นางสาวหัทยา กล่าวว่า มีกลุ่มผู้เสียหายต้องเป็นเหยื่อ ถูกหลอกขายทองผ่านเพจเฟซบุ๊ก แบ่งเป็น 3กลุ่ม คือ 1.ได้ทองไม่ตรงตามที่ซื้อขาย เช่น สั่งซื้อทอง 99.99เปอร์เซ็นต์ แต่กลับได้ 96.5เปอร์เซ็นต์ 2.โอนเงินแล้วแต่ไม่ได้รับทอง และ 3.สั่งซื้อทองในราคาสูงแต่ขายต่อได้ราคาต่ำกว่าปกติ หากจะขอคืนเงินทางร้านจะถูกหัก 15เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าจะขายสินค้าคืนร้านถูกหัก 30เปอร์เซ็นต์
ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่า "จีจี้ ปีโป้" เคยถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 59ศาลพิพากษาเอาผิด พ.ร.บ.คอมฯ และ คดีฉ้อโกงประชาชน จำคุก 3ปี แต่รอลงอาญา กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำ
นายอคิน จินา ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายได้ตั้งกลุ่มเพจเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูล พบว่ามีลิ้งค์บัญชีปลอมแฝงตัวเข้ามา เมื่อกดเข้าไปดูปรากฎว่าเป็นแอปพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ "ร.ต.สาวิตรี ม่วงสุ" ที่ใช้รูปภาพพันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. แอบอ้างพร้อมข่มขู่ต่อรองไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี แต่ผู้เสียหายรู้ทัน จึงประกาศแจ้งเตือนเพื่อนๆสมาชิกในกลุ่มให้ทราบ จึงฝากเรื่องนี้ให้ ปอท. ตรวจสอบ ว่าทำเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่
ขณะที่ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอรอง ผบก.ปอท.เผยว่า คดีของตนเองที่แจ้งความเมื่อวันที่6ก.ค.63มีความเกี่ยวข้องกับคดีของ "จีจี้ ปีโป้" โดยคนร้ายได้ปลอมตัวเข้าไปในระหว่างที่ไลฟ์สดประกาศขายทอง โดยแสดงตัวว่าสามารถขายของได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ "จีจี้ ปีโป้" จากนั้นจึงให้แอดไลน์เพื่อเข้าไปพูดคุยซื้อขายส่วนตัว โดยใช้ภาพของตนเป็นรูปโปรไฟล์ เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวน ทราบว่าเส้นทางการเงินและข้อมูลทางเทคนิค สามารถเชื่อมโยงไปยังตัวคนร้ายที่แอบอ้างได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คนร้ายรายดังกล่าวจะเป็นบุคคลเดียวกับ "จีจี้ ปีโป้" หรือไม่ ต้องรอข้อมูลทางเทคนิคอีกส่วนหนึ่งมาประกอบจึงจะสามารถยืนยันได้
นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2561สำนักงานอัยการสูงสุด เคยเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธีรชัย คดีดำที่ อ.1253/2561และ คดีแดงที่2095/2561ศาลอาญามีคำพิพากษา ในความผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉ้อโกง เมื่อวันที่17ก.ค.2561โดยโจทก์ฟ้องและผู้ต้องหารับสารภาพ เหตุเกิดระหว่างวันที่29-30พ.ค.2560จำเลยได้หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ต่อประชาชนทั่วไปและ น.ส.เบญจพร เลิศวุฒิวงศ์ ผู้เสียหาย โดยนำข้อความและข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่เว็บไซต์เฟซบุ๊ก ผ่านบัญชีผู้ใช้ ในชื่อ จีจี้ ปีโป้ ซึ่งเป็นของจำเลย และประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ ว่าจำเลยประกาศขายสินค้าประเภททองรูปพรรณพร้อมพระเลี่ยมทอง แหวนเพชร เครื่องประดับที่ทำจากทองคำ โดยทำในนามบริษัทศิวาลัย ไดมอนด์ โฆษณาว่าสินค้าที่ขายราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป หากประชาชนคนใดสนใจให้โอนเงินไปยังเลขบัญชีธนาคารของจำเลย ศาลอาญาพิพากษาลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชน2ปี ตาม ป.อาญา มาตรา90จำคุก2ปี จำเลยรับสารภาพมีประโยชน์ต่อคดี ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก1ปี โทษจำให้รอลงอาญาเป็นเวลา2ปี
ฝากเตือนผู้ที่ชอบซื้อทองคำหรือสิ่งของอื่นๆ ที่มีราคาสูงผ่านทางออนไลน์
กลุ่มมิจฉาชีพส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย คือขายสินค้าถูกกว่าท้องตลาดเกินไปล่อลวงให้โอนเงินค่าสินค้าล่วงหน้า โดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอเมื่อโอนเงินแล้วผู้ขายจะหายตัวไป ปิดช่องทางการติดต่อทุกทางเปลี่ยนชื่อและเบอร์โทรฯ ไม่ซ้ำกันนัดเจอเพื่อรับของก่อนแล้วโอนทีหลังปลอม SMS จากธนาคารเพื่อหลอกโอนเงิน หรือหลอกว่าให้โอนเงินคืน เพราะโอนเงินเกินอ้างว่า เว็บซื้อขายสินค้า เป็นคนกลางในการซื้อขายสินค้า ให้เหยื่อติดต่อรับเงินจากคืนเว็บไซต์
วิธีป้องกัน
เปิดเผยข้อมูลใน Social Network เท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปแอบอ้างใช้ทำธุรกรรมควรเปลี่ยนรหัสผ่าน (password) ในการเข้าใช้บัญชีอีเมลหรือบัญชีSocial Networkเป็นประจำเมื่อได้รับการติดต่อแจ้งให้โอนเงินให้ ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนโอนเงิน หรือติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมศุลกากร โทร. 1164 ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 หรือสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของหน่วยงานต่างชาติไม่โลภต่อเงินที่ไม่มีที่มา ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง หรือ ดอกเบี้ยต่ำ ควรพิจารณาให้รอบคอบถึงความเป็นไปได้ในความเป็นจริงตรวจหาไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลการใช้งาน และหากต้องการซื้อสินค้าทางออนไลน์ควรซื้อจากเว็บไซต์บัญชีทางการที่สามารถตรวจสอบได้ สุดท้ายควรติดตามข่าวสารกลโกงอย่างสม่ำเสมอ