เมื่อวานแกมเบียวิจารณ์นางซูจี ที่มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐด้วยว่า เธอไม่ได้ใช้ ตำแหน่งทางพฤตินัยในฐานะหัวหน้ารัฐบาล หรืออำนาจทางศีลธรรมในการขัดขวาง หรือป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดชึ้นหรือแม้กระทั่งจะออกมาเปิดเผยและประณามสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้หยิบยกข้อมูลรายละ เอียดเรื่องการสังหารชาวโรฮิงญา รวมถึงเด็กและผู้หญิง การกระทำรุนแรงทางเพศ และการทำลายบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก มานำเสนอต่อศาลในวันนี้ นางซูจี ที่ขึ้นให้การด้วยตัวเอง ได้ปฏิเสธด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เรื่องที่ว่ากองทัพเมียนมาร์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา โดยระบุว่าการที่ชาวโรฮิงญาหลายแสนต้องอพยพออกจากย้ายบ้านเรือนตนเอง เป็นผลมาจากการสู้รบของทหารรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธนางบอกว่า รัฐยะไข่ในทุกวันนี้ กำลังมีปัญหาจากการสู้รบกันระหว่างกองทัพชาวพุทธอารกัน และทหารรัฐบาล พวกมุสลิมไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทนี้ แต่ก็เหมือนกับพลเรือนในพื้นที่พิพาทอื่น ๆ คือได้รับผลกระทบจากมาตรการด้านความปลอดภัยที่นำมาใช้
เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพปี 2534 ยังกล่าวหาแกมเบียด้วยว่าให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและไม่สมบูรณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นในยะไข่เมื่อเดือนสิงหาคม 2560
แกมเบียยื่นฟ้องเมียนมาร์ในนามขององค์การความร่วมมืออิสลาม โดยขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ห้ามเมียนมาร์กระทำการใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง โดยระบุกองทัพเมียนมาร์เข้ากวาดล้างชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่เมื่อเดือน ส.ค. 2560 ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาราว 740,000 คนอพยพไปยังบังกลาเทศ