หลังสูญเสียคนดังในแวดวงบันเทิงอีกครั้ง กรณีข่าวเศร้า "ซันนี่ ยูโฟร์" ศิลปินยุค 90 เสียชีวิตจากโรคประจำตัวหลายๆ โรครุมเร้า และหนึ่งในนั้นคือ "ไทรอยด์เป็นพิษ" เบื้องต้นคนใกล้ชิดเล่าว่า เจ้าตัวป่วยไทรอยด์มานานแล้ว แต่ไม่ยอมไปรักษาตัวจนอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเกลี้ยกล่อมให้ไปรักษาและเจ้าตัวยอมไปในที่สุด แต่ก็ไม่ทันและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จริงๆ แล้วโรคนี้สามารถควบคุมอาการได้หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และกินยาตามแพทย์สั่ง แล้วมีกรณีไหนบ้างที่ผู้ป่วยเสี่ยงต่ออาการรุนแรงและเสียชีวิต
เนชั่นออนไลน์ ชวนคอข่าวไปทำความรู้จัก "โรคไทรอยด์เป็นพิษ" ให้มากขึ้น
ต่อมไทรอยด์คืออะไร? ไทรอยด์เป็นพิษ เกิดจากอะไร?
มีข้อมูลจาก นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่เคยอธิบายในบทความวิชาการเอาไว้ว่า "ต่อมไทรอยด์" เป็นต่อมที่อยู่บริเวณลำคอด้านหน้าใต้ลูกกระเดือกและติดกับหลอดลม ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนในการทำงานของร่างกาย
ส่วนคำว่า "ไทรอยด์เป็นพิษ" คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป เมื่อร่างกายมีปริมาณฮอร์โมนมากเกินความต้องการ จะมีสภาวะเป็นพิษจนส่งผลเสียต่อร่างกายในด้านต่างๆ เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น ขี้ร้อนง่าย เหงื่อออกมาก หงุดหงิดหรือนอนไม่หลับ โรคไทรอยด์เป็นพิษมักพบได้บ่อยในผู้หญิง มากกว่าผู้ชายประมาณ 5-10 เท่า
ไทรอยด์เป็นพิษ มีทั้งแบบแสดงอาการ-ไม่แสดงอาการ
ไทรอยด์เป็นพิษแบบแสดงอาการ : ผู้ป่วยมักจะมีอาการที่สังเกตได้ คือ ร่างกายมีการเผาผลาญสูงกว่าปกติ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงรวดเร็ว ซูบผอม ใจสั่น มือสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ต่อมไทรอยด์บริเวณลำคอโตขึ้น ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก หงุดหงิดง่าย ตาโปน ผมร่วง กล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยเฉพาะแขนขา บางรายอาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อยคล้ายท้องเสีย และอาจพบภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกพรุน
ไทรอยด์เป็นพิษแบบไม่แสดงอาการ : ผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษที่ไม่รุนแรง อาจไม่มีอาการแสดงใดๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ไม่ค่อยแสดงอาการอย่างชัดเจนมากนัก จึงต้องหมั่นสังเกตและตรวจเช็กอาการป่วยที่ตัวเองเป็น หากพบว่ามีอาการที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
ทำไม "ไทรอยด์เป็นพิษ" ทำให้เสียชีวิตได้
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี อธิบายว่า
ในภาวะที่ไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤติ ผู้ป่วยจะมีอาการ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายที่ตรวจพบไประยะท้ายๆ อาจมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย สาเหตุมาจากหัวใจเต้นเร็วและเต้นผิดจังหวะ ดังนั้น เมื่อพบว่ามีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ เพราะถ้าเป็นไทรอยด์เป็นพิษ แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต
โดยสรุปคือ ไทรอยด์เป็นพิษเกิดจากฮอร์โมนร่างกายของเราเองที่ทำงานผิดปกติ ดังนั้น จึงไม่สามารถป้องกันได้ เพียงแต่ต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายตนเอง หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
สำหรับผู้ป่วยที่รักษาอยู่แล้ว ปกติแพทย์มักจะให้การรักษาด้วยการรับประทานยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาใหม่ และยับยั้งการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนที่มีอยู่เดิม ผู้ป่วยควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปรับยาเอง และไม่ควรหยุดยาเอง แต่ต้องไปปรึกษาแพทย์ หากอาการดีขึ้น ผลเลือดดีขึ้น แพทย์จึงจะค่อยๆ ลดยาลง ในบางรายอาจหยุดยาได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตามแพทย์ก็จะพิจารณาการรักษาให้เหมาะสมกับกับผู้ป่วยแต่ละราย ดังนั้นหากมีอาการที่สงสัยภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ควรรีบพบแพทย์ เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้
แพทย์แนะสังเกตสัญญาณเตือน"ไทรอยด์เป็นพิษ"
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า "ไทรอยด์เป็นพิษ" มักพบในเพศหญิง มากกว่าเพศชาย เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น หรือเกิดจากร่างกายสร้างสารแอนติบอดี้ ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างฮอร์โมนมากขึ้น หรือต่อมไทรอยด์อักเสบ ทำให้มีการปล่อยฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากกว่าปกติ หรือเกิดจากการได้รับฮอร์โมนไทรอยด์จากภายนอกเข้าสู่ร่างกายในขนาดที่มากเกินไป
กรณีหลังนี้ มักเกิดกับผู้ป่วยที่ได้รับยาฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อรักษาภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ หรือใช้เพื่อการลดน้ำหนักตัวแบบไม่ถูกวิธี ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยควบคุมกระบวนการเผาผลาญ และการใช้พลังงานต่างๆ ภายในร่างกาย ถ้าร่างกายมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงขึ้น จะทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญมากขึ้น เสมือนร่างกายทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้น้ำหนักตัวลดลง แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมหรือน้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น
อาการของไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้เกิดอาการใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น หงุดหงิดง่าย ตาโปน ผมร่วง ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก ถ่ายอุจจาระบ่อย บางครั้งอาจเกิดภาวะประจำเดือนผิดปกติ บางรายอาจสังเกตเห็นต่อมไทรอยด์ที่อยู่บริเวณลำคอด้านหน้ามีขนาดโตขึ้น ขาสองข้างอ่อนแรง จนถึงขั้นยกขาหรือยืนไม่ได้ ซึ่งพบได้ไม่บ่อย แต่อาจเป็นอาการแรกสุดที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาการกำเริบรุนแรง ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวนอย่างมาก จนเกิดอาการทางระบบประสาทสับสน เพ้อ เห็นภาพหลอน จำใครไม่ได้ รวมทั้งอาการหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ และอาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้ นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการทางระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการดีซ่าน ตับอักเสบ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน การควบคุมอุณหภูมิร่างกายผิดปกติ ทำให้มีไข้สูง ชัก บางรายอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้
การรักษาไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากเองโดยทั่วไปทำได้ 3 วิธี คือ การใช้ยาชนิดรับประทานเพื่อควบคุมการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ให้ปกติ การกลืนแร่รังสีไอโอดีน และการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ ทั้งนี้ โรคไทรอยด์เป็นพิษ เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ดังนั้น การเป็นคนช่างสังเกต และใส่ใจสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง