svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

คนไข้อายุ 37 ปี ออกกำลังกาย-ไม่ดื่มเหล้า แต่ป่วยมะเร็งตับ หมอแนะหมั่นตรวจสุขภาพ

17 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เพจดังเผยภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ คนไข้อายุ 37 ปี ออกกำลังกาย-ไม่ดื่มเหล้า แต่ป่วยมะเร็งตับ หมอแนะหมั่นตรวจสุขภาพหาเชื้อไวรัสตับบีและซี ชี้ รักษาทันดีกว่าเสียใจภายหลัง

17 มกราคม 2567 เพจ "เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล" โพสต์ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan ของคนไข้ที่เป็นมะเร็งตับ พร้อมระบุข้อความ ทำความรู้จัก หน้าตามัจจุราช

สองภาพนี้เป็นของคนไข้ของผมเอง เป็นภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan จากบริเวณช่องท้องส่วนบน ส่วนใหญ่ของนั่นคือ ตับที่โตผิดปกติ เนื้อตับปกติ หน้าตาจะประมาณมุมซ้ายล่างออกสีขาวเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนที่เหลือเกินครึ่ง ที่มีสีดำกระจาย แทรกไปทั่วๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง นั่นคือสิ่งผิดปกติ

ในที่นี่ คือ มะเร็ง (ใช้คำว่า ในที่นี้ เพราะบางกรณีจุดดำๆ มันก็เป็นอย่างอื่นได้นะครับ เช่น ถุงน้ำ หนอง) เป็นมะเร็งตับที่ทำให้คนไข้ปวดท้อง กินไม่ได้ ตัว ตาเหลือง ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนมา รพ. ความน่าตกใจของมันก็คือแสดงอาการแค่ 1 อาทิตย์ ก็โผล่มาในระยะที่ รักษาไม่ได้แล้ว

ความน่าตกใจข้อที่สองก็คือ คนไข้อายุเพียงแค่ 37 ปี ความน่าตกใจข้อที่สาม คือคนไข้เป็นคนออกกำลังกาย ไม่ดื่มเหล้า ความน่ากลัว ก็คือ คนไข้เสียชีวิตในเวลาแค่ 2 เดือน หลังตรวจเจอ ครอบครัวพาไปปรึกษาอาจารย์แพทย์ที่ โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ก็เห็นว่า ร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะรับยาใดๆ ได้แล้ว

ในความน่าตกใจ ความน่ากลัวมันยังมีความน่าเสียดายซ่อนอยู่ เคสนี้คือตัวอย่างของคนที่เป็นมะเร็งตับ จากการติดเชื้อไวรัสตับโดยที่ไม่เคยมีอาการใดๆ ทางตับ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ ไวรัสตับ ที่ก่อให้เป็นมะเร็งตับ หลัก ๆ ก็คือ ไวรัสตับบี และไวรัสตับซี

คนไข้บอกว่า "เคยตรวจเจอเมื่อนานมาแล้ว (> 10 ปี) แต่ตอนนั้น หมอบอกว่ายังไม่เป็นอะไร" ความน่าเสียดาย มันอยู่ที่ตรงนี้ ไวรัสตับบี ไวรัสตับซี ปัจจุบันรักษาได้ เมื่อรักษาแล้วก็จะลดโอกาส หรือ ป้องกันการเกิดมะเร็งตับได้ แต่คนส่วนหนึ่ง เสียโอกาสนี้ไปทำไม?

1. กรณีของคนไข้ผม ตรวจเจอแต่ไม่ได้มีการติดตาม จนพลาดโอกาสไป ต้องปูพื้นฐานนิดนึง กรณีคนที่มีเชื้อไวรัสตับ ณ. ปัจจุบัน ไม่ใช่ทุกคนต้องรักษา ส่วนหนึ่งมันอยู่ในภาวะสงบ ไม่มีอาการ ค่าการทำงานของตับปกติ ปริมาณเชื้อในร่างกายน้อยแบบนี้ มันก็อยู่กับเราแบบเงียบๆ ไปตลอดชีวิตของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องกินยารักษาใดๆ การตรวจติดตามจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมเองต้องย้ำคนไข้ทุกครั้งที่เจอกันว่า ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่หมอนัด มาเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ (3 เดือน 6 เดือน ก็ว่ากันไป)

2. หลายคนไม่เคยตรวจเลยจึงไม่รู้ และการตรวจสุขภาพทั่วไป หลายกรณีไม่มีการตรวจหาไวรัสตับ (หากจำไม่ผิด ตรวจสุขภาพของบัตรทอง หรือ ของประกันสังคม ก็ไม่มี) คนไม่เคยเฉียด รพ. ไม่เคยตรวจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่บางคนที่เคยตรวจสุขภาพ แล้วหมอบอกว่า ผลตรวจเลือดปกติ บางคนก็เข้าใจว่า นั่นแปลว่าเคยตรวจทุกอย่างแล้ว ซึ่งหลายครั้งมันไม่ใช่ ส่วนตัวอยากให้ทุกคนได้ตรวจหาไวรัสตับบี ซี สักครั้งในชีวิต มันราคาไม่สูง และได้ประโยชน์จริง

3. ยังมีข้อที่สาม องค์ความรู้มันเปลี่ยน แต่หมอเรายังไม่เปลี่ยน ไม่ตามความรู้ใหม่ๆ เมื่อ 20 ปีก่อน เจอไวรัสตับบี หมออาจจะบอกแค่ว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องรักษา เพราะตอนนั้นความรู้มันแค่นั้น ไวรัสตับซี ไม่ต้องทำอะไร เลิกกินเหล้าก็พอ อะไรทำนองนั้น แต่ปัจจุบันมันไม่ได้แล้ว ผมเองก็ต้องเติมความรู้เรื่อยๆ ตอนนี้บางกรณียังไม่ต้องรักษา แต่ต่อไปการรักษาอาจจะเร็วขึ้นก็ได้

สรุปสำหรับคนทั่วไป

  • ใครไม่เคยตรวจ ตรวจสักครั้งในชีวิต ต้องบอกด้วยว่าขอตรวจ ไวรัสตับ ไม่ใช่แค่ตรวจสุขภาพทั่วไป
  • ใครเคยตรวจเจอ หมอบอกไม่ต้องทำอะไร ควรไปปรึกษาหมอใหม่อีกครั้ง ยังไงต้องมีการนัดติดตาม ผลเลือดเป็นระยะ
  • ใครเคยตรวจเจอและ หมอนัดติดตาม 

แต่เราไม่ได้ไป เพราะขี้เกียจ หรือไม่มีเวลา ให้กลับไปหาหมอ ตรวจเป็นระยะๆ เถอะครับ ส่วนใหญ่ไม่เป็นอะไร แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมา รักษาได้ทันดีกว่าจะเสียใจภายหลัง

  • สำหรับหมอ อัปเดทความรู้
  • สำหรับระบบ ส่งเสริมการตรวจสุขภาพ ให้ตรวจกันมากขึ้นจะดีมาก
logoline