svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

เปิดประโยชน์ของการกินเจ เทศกาลถือศีลกินผักที่คนรักสุขภาพต้องรู้

12 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กินเจ อิ่มบุญ อิ่มใจ ส่งผลดีอย่างไรกับสุขภาพ เลือกกินอาหารอย่างไรช่วยป้องกันการขาดสารอาหาร และข้อควรระวังในการกินผักที่สายสุขภาพห้ามลืมโดยเด็ดขาด!

เทศกาลกินเจ 2566 ช่วงเวลาอิ่มบุญ 9 วัน 9 คืน ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม ตามตำนานเล่าขานและความเชื่อเกี่ยวกับการกินเจมีมาอย่างยาวนานและเก่าแก่ถึง 400 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นในมณฑลฟูเจียนของประเทศจีน ก่อนจะแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย จากชาวจีนที่โล้สำเภามาทำมากินที่ภาคใต้ของไทย แม้ประโยชน์ของการกินเจ หรือการถือศีลกินผัก มักถูกมองในแง่ของศาสนา เน้นลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ร่วมกับการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ แต่ก็แฝงมาด้วยประโยชน์ทางสุขภาพ ที่มีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ออกมาสอดรับกับเทรนด์การกินอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น

เปิดประโยชน์ของการกินเจ เทศกาลถือศีลกินผักที่คนรักสุขภาพต้องรู้

“อิ่มบุญ อิ่มใจ” ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองศาสนา

มุมมองของศาสนา จะมองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของชีวิตและจิตใจ ได้แก่

  • เกิดเมตตาจิต มีความสงบ สุขุม เยือกเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่โมโหง่าย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมให้บารมีธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ
  • ทำให้มีสติมั่งคง มีสมาธิแน่วแน่ ไม่ประมาทเลินเล่อ เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการทำงาน โดยอาจทำให้สามารถรอดพ้นจากภัยต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ หรือภัยจากเคราะห์กรรม
  • ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท ทำให้ปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งทำร้ายตามจองเวร
  • สิ่งไม่ดีจะถูกขับออกไป เพราะเมื่อกินเจอย่างสม่ำเสมอ ความรู้สึกขุ่นมัวมืดมนจะหมดไป จึงทำให้ความสดใสปรากฏขึ้นในจิตใจ
  • ผู้ที่กินเจ รวมทั้งครอบครัวและบุตรหลาน และคนในปกครอง จะเกิดความรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้เกิดอยู่ในดินแดนอารยะ ที่มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากการทำร้าย รบราฆ่าฟัน ไม่มุ่งร้ายทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน
  • เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองอารักขา ไม่ให้สิ่งเลวร้ายหรือวิญญาณไม่ดีเข้ามาทำร้าย

เปิดประโยชน์ของการกินเจ เทศกาลถือศีลกินผักที่คนรักสุขภาพต้องรู้

“ผลดีต่อสุขภาพ”ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองของแพทย์

มุมมองของแพทย์ จะมองประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ ได้แก่

  • ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น การกินเจจากอาหารประเภทผัก และผลไม้จะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ รวมทั้งกากใยในพืชผักช่วยระบบการย่อยและระบบขับถ่าย ทำให้ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ รวมถึงโรคที่เกิดจากระบบขับถ่ายผิดปกติต่าง ๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก และโรคมะเร็งลำไส้ เป็นต้น
  • ลดการได้รับสารปนเปื้อนจากเนื้อสัตว์ เช่น สารบอแรกซ์ มักจะอยู่ในลูกชิ้นปลา, เนื้อวัว, เนื้อหมู ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ฟอร์มาลิน มักจะอยู่ในเนื้อสัตว์ทะเล เช่น หอย, กุ้ง, หมึก และปู ซึ่งสารนี้จะเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร
  • ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หน้าตาสดใสขึ้น การรับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ มีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณให้สดใส ลดการหย่อนคล้อยของผิวหนัง
  • ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผักและผลไม้ เป็นพลังงานที่ไม่ทำร้ายร่างกาย
  • ทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคสำไส้ โรคเกาต์ ฯลฯ เพราะได้รับอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ และยังช่วยป้องกันโรคร้ายเหล่านี้

การเลือกอาหารในช่วงกินเจ มีหลักง่ายๆดังนี้

  • เน้นผักเป็นหลัก เลือกทานให้หลากสี เน้นผัก ผลไม้สดเพื่อเพิ่มวิตามินซีซึ่งจะ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก รับประทานผักที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักโขม ถั่วลิสง ถั่วฟักยาว เห็ดฟาง การรับประทานผักและผลไม้สดนอกจากจะทำให้ได้เกลือแร่และวิตามินอย่างครบถ้วน ยังมีเส้นใยอาหารสูง ทำให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย
  • ทานแป้งในปริมาณที่พอดี เพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน แป้งที่ทานควรเลือก ข้าวกล้อง แทนข้าวขาวปกติ ขนมปังโฮลวีท
  • ช่วงที่งดเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่งดทานเนื้อสัตว์เป็นเวลานาน อาจทำให้ขาดวิตามิน B12 ได้ จึงควรรับประทาน โปรตีน จากโปรตีนเกษตร เต้าหู้ และถั่วหรือธัญพืช
  • เลี่ยงอาหารที่มีน้ำมันมาก ลดเมนูผัดๆ ทอดๆ ถ้าปรุงอาหารเองเลือกใช้น้ำมันจากกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่ดีเช่น น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนล่า น้ำมันมะกอก
  • เลือกเมนู ตุ๋น ต้ม อบ นึ่ง ยำ แต่อาหารที่ผ่านการเคี่ยวนานๆ อาจทำให้คุณค่าของสารอาหารสูญเสียไป เช่น ต้มจับฉ่าย ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
  • เลือกผลไม้หวานน้อย เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แก้วมังกร
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด การทานอาหารรสเค็ม จะมีปริมาณของโซเดียมสูง ซึ่งจะส่งผลให้ไตทำงานหนัก
  • ทานให้น้อย แต่บ่อยครั้ง
  • เลือกของว่างอยู่ท้อง มากคุณค่า

กินเจแล้วจะขาดสารอาหารหรือไม่?

หลายคนกลัวว่ากินเจแล้วจะได้อาหารไม่ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ที่มักจะเข้าใจว่าโปรตีนในเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีกว่าโปรตีนในพืช ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกัน และโปรตีนในถั่วยังมีถึง 10 ชนิดด้วยกัน นอกจากนี้ อาหารในหมู่อื่นก็ยังมีอยู่ในพืชครบทั้งสิ้น จึงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินอาหารมากกว่าว่า กินครบ 5 หมู่หรือไม่ ดังนั้นทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มสามารถกินกันได้ แต่ต้องมีการควบคุมคุณค่าทางโภชนาการที่ควรได้รับในแต่ละวันให้ครบด้วย 

การกินเจที่ถูกหลัก นอกจากจะทำให้เราไม่ขาดสารอาหาร จากการงดเว้นเนื้อสัตว์แล้ว เรายังจะได้รับอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย การกินเจร่วมกับการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส ก็จะช่วยช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และได้บุญอีกด้วย

เปิดประโยชน์ของการกินเจ เทศกาลถือศีลกินผักที่คนรักสุขภาพต้องรู้

เน้นกินผักผลไม้ ระมัดระวังสารพิษ อย่าลืมล้างให้สะอาด

สารพิษในผักผลไม้ ที่ผู้กินเจควรระมัดระวัง อาทิ กรดซาลิซิลิค มักจะอยู่ในผักดอง ผลไม้ดองเพื่อป้องกันเชื้อรา เช่น ผักกาดดอง, ขิงดอง, มะม่วงดอง สารพิษนี้จะทำลายเซลล์ในร่างกาย เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ผื่นขึ้นตามร่างกาย และความดันต่ำ เป็นต้น

โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือสารฟอกขาว มักจะอยู่ในผัก แป้ง และเส้นก๋วยเตี๋ยว เช่น ถั่วงอก, เห็ด, หน่อไม้ และดอกไม้จีน เป็นต้น เมื่อร่างกายสะสมสารพิษนี้เข้าไปบ่อยๆ จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, ท้องเสียอย่างรุนแรง, หายใจลำบาก และปวดศีรษะ เป็นต้น และ ยาฆ่าแมลง ที่มักจะอยู่ในผัก ผลไม้สด สารพิษนี้เป็นพิษต่อระบบประสาท จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, วิงเวียนศีรษะ และทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงได้

คำแนะนำในการล้างผักผลไม้ คือ ควรแช่ด้วยเบกกิ้งโซดา, น้ำส้มสายชู, น้ำยาล้างผัก, ด่างทับทิม หรือเกลือป่น 10-15 นาที แล้วล้างออกโดยใช้น้ำไหลผ่านจะช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างได้มากกว่าการล้างปกติ

 

logoline