“กรดไหลย้อน” โรคยอดฮิตของคนวัยทำงาน
วัยทำงานเป็นช่วงอายุที่หลายคนพยายามสร้างฐานะให้มั่นคงจนอาจละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพ เมื่อผนวกกับการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและไม่พิถีพิถันในเรื่องของการเลือกอาหารมากนัก รวมถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม และเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องของปากท้องอย่าง “โรคอาหารไม่ย่อย” (Dyspepsia) โรคที่มักเกิดจากภาวะเครียด ไม่ว่าจะด้านการงาน การเงิน หรือปัญหาครอบครัว เมื่อเราเกิดความเครียด ระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติจนเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร และ “โรคกรดไหลย้อน” (Gastroesophageal Reflux Disease) เมื่อการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลาอาจทำให้ไม่มีเวลาเลือกอาหารที่จะรับประทานในแต่ละวันมากนัก พวกของทอดของมันที่มีขายทั่วไปจึงเป็นตัวเลือกหลักของคนวัยทำงาน รวมทั้งการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือกินเสร็จก็เข้านอนทันที จึงมีโอกาสเป็นโรคกรดไหลย้อนสูงมาก
สำหรับโรคกรดไหลย้อน คือความผิดปกติที่เกิดจากการมีกรดในกระเพาะอาหารไหลขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ที่หากปล่อยไว้นานจนระคายเคืองเรื้อรังอาจเสี่ยงเป็น “มะเร็งหลอดอาหาร” ที่พบบ่อยในชายไทย มากกว่าผู้หญิงภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยา แต่หากปล่อยเรื้อรังจนเกิดพยาธิสภาพในหลอดอาหาร จากโรคกรดไหลย้อนธรรมดา ก็อาจทวีความรุนแรงจนกลายเป็น “มะเร็งหลอดอาหาร” ที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 7 ของโลก พบโรคนี้เป็นลำดับที่ 9 ของมะเร็งในชายไทยช่วงอายุวัยกลางคน 55-65 ปี และมักจะพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 3-4 เท่า
อาการของผู้ป่วยขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ถูกระคายเคืองโดยกรด เช่น
เมื่อเป็นกรดไหลย้อนต้องทำอย่างไร ก่อนเป็นมะเร็งหลอดอาหาร
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งหลอดอาหาร
โรคมะเร็งหลอดอาหารไม่มีอาการเฉพาะของโรค และยังไม่มีการตรวจคัดกรองมะเร็งหลอดอาหารในระยะเริ่มแรก แต่จะเป็นอาการคล้ายคลึงกับโรคทั่วๆ ไปของหลอดอาหารที่พบบ่อย ได้แก่
4 ระยะ มะเร็งหลอดอาหาร
ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร
เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของมะเร็งหลอดอาหาร แต่มีหลายปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ อาทิ
ทางเลือกการรักษาโรคมะเร็งหลอดอาหาร
การผ่าตัด จะเป็นวิธีการรักษาในมะเร็งระยะต้นๆ และเป็นมะเร็งหลอดอาหารในตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดได้ โดยผ่าตัดเอาหลอดอาหารส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป แต่ในโรคระยะลุกลามจนผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้ อาจมีการผ่าตัดเล็กทางกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กเพื่อให้อาหารทางสายยางแทน
รังสีรักษา โดยทั่วไปมักเป็นการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว หรือฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด หรือฉายรังสี เคมีบำบัด และผ่าตัด ซึ่งจะเป็นไปตามข้อบ่งชี้การแพทย์เป็นรายๆ ไป การฉายรังสีก็เช่นเดียวกัน การผ่าตัด จะมีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือใช้รักษาเพื่อควบคุมโรค ซึ่งจะใช้รักษาผู้ป่วยระยะลุกลามไม่มากและมี สุขภาพแข็งแรงและการรักษาแบบประคับประคองที่จะใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็น มากแล้วหรือสุขภาพไม่แข็งแรง