
7 มิถุนายน 2566 ที่ จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติ นำโดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ , นายครรชิต ศรีนพวรรณ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 , นายรัฐพล บุญมี หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และตำรวจ สภ.กาบเชิง
ร่วมกันตรวจสอบและจับกุม นายสม สร้อยจิตร อายุ 52 ปี , นายพัธพล ทองทา อายุ 38 ปี พร้อมของกลาง ประกอบด้วย ไม้พะยูงท่อน ที่ซุกซ่อนในรถบรรทุกที่ 69 ท่อน ,ไม้พะยูงท่อน ที่ได้จากงมขึ้นมาจากสระน้ำริมกระท่อมของนายสม จำนวน 54 ท่อน และรถบรรทุก ยี่ห้อ ISUZU 1 คัน และ คนงานอีก 7-8 คน
ที่เกิดเหตุ บริเวณกระท่อมไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออก ม.9 ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้นำของกลางทั้งหมด ขึ้นไปรวบรวมไว้ที่ ที่ทำการหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.4 อ.กาบเชิง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สำหรับการจับกุม สืบเนื่องจาก นายชัยวัฒน์ ได้รับการประสาน จากสายข่าว (การทหาร) ว่า มีขบวนการไม้พะยูง (มู่หลาน) ยังทำไม้ และนำไม้มาซ่อนไว้ ในพิกัด บ้านตะเคียน อ.กาบเชิง ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 5 - 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา จนถึงช่วงเย็น ได้มีรถ จยย. ขับเข้าออก จนเป็นที่สงสัย
จึงประสานหัวหน้าหน่วยพญาเสือ ขอกำลังหน่วยงานสนาม ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ และหัวหน้าอุทยานเขาพระวิหาร เฝ้าระวังการขนย้ายไม้พะยูง ออกในเวลากลางคืน จนถึงเวลา 20.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) มีการเคลื่อนไหว มีคนเข้ามาประมาณ 10 คน ลงไปในสระน้ำ และ มีรถเครนยกไม้ อีก 1 คัน เข้าไป ในพิกัดดังกล่าว อีกทั้งยังทราบว่ามี จนท.ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย
ระหว่างที่ จนท.เฝ้าซุ่มอยู่ ได้เห็นพฤติกรรม ของกลุ่มคนดังกล่าว จนถึงเวลา 22.20 น เมื่อกลุ่มคนดังกล่าว ขนไม้ ขึ้นเต็มรถ และเคลื่อนรถ หมายจะเอารถออกไป เพื่อเอาไม้ออกไปจากจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น จนสามารถตรวจพบของกลางไม้พะยูงท่อนดังกล่าว ประเมินมูลค่าเบื้องต้นมากกว่า 3 ล้านบาท แต่หากถูกส่งขายถึงมือนายทุนใหญ่ จะมีมูลค่าราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว หรือนับสิบล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปกติไม้ที่ตัดจากไร่จากนา จากที่มีเอกสารสิทธิ์ ก็จะเป็นไม้เป็นต้น รวมทั้งกะพี้และเปลือกด้วย แต่ของกลางที่เห็น เวลาตัดมาจะพฤติกรรมปอกเปลือก เอาเฉพาะแก่นขาย ซึ่งไม้ที่ทำเสร็จแล้ว จะเห็นเป็นตัวเลข ที่เขียนระบุว่า มีการชั่งกิโลกรัมกับไม้ให้เห็น มีระบุไว้ทั้งน้ำหนักจำนวนกิโลกรัม ขนาดหน้าตัด และความยาวของท่อน
แสดงให้เห็นว่า ถูกปอกมาเพื่อที่จะขาย เป็นน้ำหนักและขายเป็นไซต์ ถ้าท่อนสวยแก่นดี ตรงขนาดใหญ่หน่อย ก็จะอีกราคาหนึ่ง นอกจากนี้เจ้าของแปลงนาที่เกิดเหตุ ได้นำเอกสารรับรองไม้มาตรา 7 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งการออกเอกสารโดยผู้นำชุมชน ต้องเป็นคนรับรองไม้เคลื่อนที่ พร้อมกับภาพไม้
แต่กลับมีการเว้นที่ไว้ ยังไม่เขียนว่า ที่ดินที่ไหน ไม้กี่ต้น เหมือนเซ็นกระดาษเปล่าทิ้งไว้ ให้มาเติมข้อมูลทีหลัง เพื่อใช้ยืนยันกับ จนท.หากมีการขอตรวจสอบ สังเกตจากลายมือในเอกสาร จะไม่เหมือนกัน หากมีการเติมข้อมูลภายหลัง และมีการถ่ายเอกสารสีไว้ แล้วค่อยมาเติมข้อมูลภายหลัง เอกสารแบบนี้จะมีเป็นร้อย ๆ ชุด ก็ร่อนไปทุกที่ คนที่ครอบครองไม้ ก็จะเอาหลักฐานนี้มายืนยัน
แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ สามารถพิสูจน์ได้ว่า มันคือการถ่ายเอกสารสี และที่เหลือมาเติมข้อความใหม่ ถือเป็นหลักฐานเท็จทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้า จนท.ของรัฐ ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด หรือไม่ดูให้ชัดเจน ถึงรายละเอียดจริง ๆ และที่มาของพฤติกรรม ก็อาจจะปล่อย หรือมีส่วนรู้เห็น ตนไม่ทราบ เพราะพฤติกรรมจริง ๆ ต้องยืนยันได้ แม้กระทั่งเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนรู้เล่ห์กลเหล่านี้ทั้งหมดว่า มีใครบ้าง มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร เพราะได้การสืบเสาะในกระบวนหมดแล้ว เป็นการขยายผลจากขบวนการใหญ่ ที่จับได้จากดอยสะเก็ด
วันนี้ก็ได้คุยกับกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ จะต้องรับไม้คดีนี้ไป ส่วนกรมป่าไม้จะรับช่วงต่ออย่างไร เป็นเรื่องของกรมป่าไม้ ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ตนไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน หลักฐานมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องทำให้รัดกุม
เมื่อถาม กลัวว่าจะถูกเล่นงานคืนหรือ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนว่า จนท.ของรัฐ มีเจตนาที่บริสุทธิ์ใจ ตนไม่กลัว เพราะสิ่งที่เราทำ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ตนก็ไม่รู้จักนายสม นายสมก็ไม่รู้จักตน แล้วตนจะไปกลั่นแกล้งเพื่ออะไร