svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

นายกฯ บังกลาเทศลาออก หนีออกนอกประเทศ หลังม็อบบุกบ้านพัก

นายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ของบังกลาเทศ ยอมลาออกจากตำแหน่ง และหนีออกนอกประเทศแล้ว หลังเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มผู้ประท้วงบุก ที่ถึงบ้านพักประจำตำแหน่ง แม้กองทัพประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศ

นายกฯ บังกลาเทศลาออก หนีออกนอกประเทศ หลังม็อบบุกบ้านพัก

สื่อท้องถิ่น รายงานว่า นายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ที่บริหารประเทศมายาวนาน 15 ปี ลาออกจาตำแหน่ง และเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มุ่งหน้าไปอินเดียแล้วในวันจันทร์ (5 สิงหาคม) หลังเผชิญการประท้วงนานหลายสัปดาห์ ที่นำไปสู่การเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง และการสลายผู้ประท้วงครั้งนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 รายเมื่อวันอาทิตย์

แหล่งข่าว เปิดเผยว่ากับสื่อต่างชาติว่า นายกรัฐมนตรีฮาสินาพร้อมด้วยน้องสาวได้รับการพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัยห่างจากบ้านพักประจำตำแหน่ง  ท่ามกลางสถานการณ์โกลาหล

ผู้ประท้วงเดินขบวนไปยังสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงบ้านพักนายกรัฐมนตรี และหลายร้อยคนพังประตูเข้าไปในบ้านพัก  วิ่งไปทั่วและโบกมือให้กับกล้องขณะแสดงความยินดีที่สามารถขับไล่นางฮาสินาพ้นตำแหน่ง

ขณะที่มีรายงานผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย จากการปะทะระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงในกรุงธากา และตำรวจใช้ระเบิดมือสลายกลุ่มผู้ประท้วงในบางจุด

นายกฯ บังกลาเทศลาออก หนีออกนอกประเทศ หลังม็อบบุกบ้านพัก

ล่าสุดพลเอก เวเกอร์ อุซ ซามาน ผู้บัญชาการทหารบก แถลงยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีฮาสินา วัย 76 ปี ลาออกแล้ว และรัฐบาลชั่วคราวจะบริหารประเทศแทน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนไว้ใจกองทัพว่าจะนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ

นอกจากนี้เขายืนยันด้วยว่า จะคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตทุกราย และการรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการประท้วง พร้อมกับขอให้ประชาชนใช้ความอดกลั้น และยุติการก่อความรุนแรงและการสร้างความเสียหายใด ๆ 

เขาเชิญผู้แทนจากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ทั้งหมด และได้รับการตอบรับ เพื่อทำงานร่วมกันในการหาทางออกให้กับวิกฤตที่เกิดขึ้น และบอกด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องมีการบังคับใช้เคอร์ฟิวหรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับข้อให้ผู้ประท้วงกลุ่มนักศึกษาให้เวลากองทัพสักระยะ และอยู่ในความสงบ แล้วกลับบ้านไปก่อน

นายกฯ บังกลาเทศลาออก หนีออกนอกประเทศ หลังม็อบบุกบ้านพัก

การลาออกของนางฮาสินามีขึ้นหลังจากผู้ประท้วงยังคงรวมตัวชุมนุมขับไล่เธอในวันนี้ แม้ว่ากองทัพประกาศบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ของวันอาทิตย์ และรัฐบาลประกาศวันหยุดราชการ 3 วันนับตั้งแต่วันจันทร์ เพื่อหวังควบคุมสถานการณ์ประท้วง หลังจากมีการใช้กำลังสลายผู้ประท้วงทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย ซึ่งรวมถึงตำรวจกว่า 10 รายในวันอาทิตย์  ซึ่งเป็นการประท้วงนองเลือดมากที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศ และทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการประท้วงที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเพิ่มเป็นเกือบ 300 ราย

การประท้วงเริ่มต้นขึ้นภายใต้การนำของกลุ่มนักศึกษาเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกระบบโควตา ที่จัดสรรตำแหน่งงานราชการ 30% ให้ครอบครัวของทหารผ่านศึก ที่เคยร่วมสู้รบให้บังกลาเทศยกตัวเป็นเอกราชจากปากีสถานในปี 2514 และหลังจากการประท้วงรุนแรงขึ้น ศาลฎีกามีคำสั่งให้ลดโควตาลงเหลือเพียง 5% โดย 3% สงวนให้ครอบครัวญาติทหารผ่านศึก แต่กลุ่มผู้ประท้วงยังไม่พอใจ และต้องการให้รัฐบาลลงโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามการประท้วงนองเลือด ก่อนเพิ่มข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก