
ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ผู้นำฝ่ายซ้ายคนแรกของโคลอมเบีย โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ ระบุว่า "ขอแสดงความยินดีที่การคร่าชีวิตจะไม่ถูกนับเป็นการแสดงอีกต่อไป" หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของโคลอมเบีย 93 คน ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายที่สั่งห้ามการสู้วัวกระทิง เมื่อวันอังคารที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเพียง 2 เสียงเท่านั้นที่คัดค้าน ก่อนจะถูกส่งต่อให้ประธานาธิบดีเปโตร ลงชื่ออนุมัติเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ปัจจุบันโคลอมเบียเป็นหนึ่งในแปดประเทศ รวมถึง ฝรั่งเศส โปรตุเกส เม็กซิโก เอกวาดอร์ เปรู สเปน และเวเนซุเอลา ที่ยังคงมีการแสดงสู้วัวกระทิงอยู่ และถูกยกให้เป็นการแสดงกีฬาที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญกับการต่อต้านจากองค์กรและกลุ่มคนรักสัตว์ต่าง ๆ
ในระหว่างการต่อสู้ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นมาทาดอร์ จะต้องกระตุ้นและยั่ยยุวัวด้วยการใช้ผืนผ้าสีเข้มโบกสะบัดไปมา ก่อนที่สุดท้ายวัวตัวดังกล่าวจะถูกแทงและปลิดชีพต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ได้ร่วมกันประณามกีฬาชนิดนี้มานานแล้วว่า เป็นการคร่าชีวิตที่นองเลือดและป่าเถื่อน เพราะมันส่งผลให้สัตว์ต้องตายอย่างช้า ๆ และเจ็บปวด ขณะที่ผู้สนับสนุนโต้แย้งว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของ "ศิลปะ" เป็นวัฒนธรรมกีฬา และแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับผู้เพาะพันธุ์โค รวมถึงพ่อค้าริมถนนที่มีพื้นที่ให้ค้าขายด้านนอกสนามกีฬา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของโคลอมเบียบางส่วนที่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย ระบุว่า โคลอมเบียกำลังอยู่ในกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะได้รับการเคารพอย่างมีศักดิ์ศรี ด้วยการเพิ่มระดับความสำคัญด้านสวัสดิภาพและการปกป้องสัตว์ทุกชนิด ที่สำคัญคือพวกเขาไม่เชื่อว่าการแสดงออกถึงการทรมานและความป่าเถื่อนสามารถยึดถือให้เป็นวัฒนธรรมของประเทศได้