อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นศาลที่นครนิวยอร์กในวันจันทร์ (15 เมษายน 2567) ในคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่า เขาปลอมแปลงเอกสารทางบัญชีเพื่ออำพรางการจ่ายเงินเป็นค่าปิดปากแก่สตอร์มี แดเนียลส์ ดาราหนังผู้ใหญ่ ที่ออกมาแฉว่าเคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับทรัมป์ ในช่วงใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
ในวันนี้ศาลจะเริ่มขั้นตอนการเลือกคณะลูกขุน และคาดว่า การพิจาณาคดีจะใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ และจะมีประเด็นสำคัญอยู่ที่ทรัมป์จ่ายเงินคืนให้กับไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความ ที่อ้างว่า เขาออกเงินจ่ายให้แดเนียลส์ก่อนจำนวน 130,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการที่เธอจะหยุดพูดเรื่องความสัมพันธ์กับทรัมป์ ที่อัยการมองว่า เป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งอย่างไม่ถูกกฎหมาย
ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาจงใจปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจรวม 34 กระทง และคำตัดสินจะต้องอาศัยเสียงเอกฉันท์ของลูกขุนทั้ง 12 คนว่า ทรัมป์กระทำผิดจริงหรือพ้นผิด
หากทรัมป์ วัย 77 ปี ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริง อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด คือ 4 ปี แต่อาจรอดพ้นโทษจำคุก และได้รับการลงโทษปรับแทนก็เป็นได้ ที่ผ่านมาเขายืนยันไม่ได้กระทำผิดใด ๆ
ทรัมป์โพสต์ในแพลต์ฟอร์ม ทรูธ โซเชียล ของเขาเมื่อวันอาทิตย์ (14 เมษายน 2567) โดยกล่าวหาว่า การดำเนินคดีอาญากับเขาเป็นระบบการโกงของคู่แข่งทางการเมือง และเขาจะต่อสู้เพื่อตัวเอง และประเทศ การแทรกแซงการเลือกตั้งแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในสหรัฐฯ
คดีนี้เเป็นเพียงคดีอาญาคดีแรกจากทั้งหมด 4 คดี ที่ทรัมป์จะต้องเผชิญในปีนี้ แต่อาจเป็นคดีเดียวที่เริ่มเปิดการไต่สวนพิจารณาคดีก่อนการเลือกตั้ง
คดีนี้จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองและกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ เพราะทรัมป์เป็นผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี และอาจได้เห็นผู้สมัครประธานาธิบดีถูกตัดสินว่ากระทำผิดคดีอาญา เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ชาวอเมริกันจะใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสหรัฐฯ ทรัมป์อาจกลายเป็นผู้ต้องคำพิพากษากระทำความผิดคนแรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีภายใต้สังกัดพรรคการเมืองใหญ่
แต่ที่ผ่านมาฝ่ายทรัมป์โต้แย้งว่า เขาเป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมที่เลือกข้างและมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง
ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า หากทรัมป์ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริง โดยไม่เคยมีประวัติกระทำผิดมาก่อน ก็อาจไม่ถึงขั้นรับโทษในเรือนจำ หรือแม้จะต้องโทษจำคุกจริง กฎหมายสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีข้อห้ามที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
แม้คดีความของทรัมป์แทบไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อคะแนนเสียงของเขา แต่เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่สูสีกันมาก และไม่ว่าคำตัดสินของศาลที่ออกมาจะเป็นข่าวดีหรือร้ายสำหรับทรัมป์ ก็อาจมีผลต่อคะแนนเสียงได้
นอกจากนี้ทรัมป์ประกาศไว้แล้วว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เขาจะมุ่งเอาคืนด้วยการใช้อำนาจจัดการกับศัตรู ซึ่งรวมถึงครอบครัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งจะเป็นการสร้างความท้าทายทั้งทางการเมือง กฎหมาย และรัฐธรรมนูญแบบสุดขั้วในสหรัฐฯ และไม่ใช่วิถีปกติสำหรับประเทศแม่แบบประชาธิปไตยแห่งนี้