สื่อพากันตั้งคำถามว่า "คิม กอนฮี" สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ หายหน้าไปไหนนานถึง 4 เดือนแล้ว หลังเกิดเรื่องอื้อฉาว "รับกระเป๋าแบรนด์เนม" และความสงสัยนี้ไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด หลังจากเธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายตอนกลับจากเนเธอร์แลนด์ พร้อมกับประธานาธิบดียุน ซอก ยอล เมื่อกลางเดือนธันวาคม ปี 2566 และทำเนียบประธานาธิบดีก็ยังไม่ให้เหตุผลที่เธอหายหน้าไปหรืออยู่ที่ไหน ไม่มีแม้กระทั่งการเอ่ยถึงเรื่องสุขภาพ
การหายหน้าของคิม วัย 51 ปี เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก สำหรับสตรีที่มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติภารกิจในฐานะสุภาพสตรีหมายเลข 1 ทั้งการออกงานเดี่ยว พบปะบุคคลระดับสูงทางการทูตเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสังคม เช่น สิทธิสัตว์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอนที่เธอออกตัวต่อต้านการบริโภคเนื้อสุนัข เรื่องนี้ก็ถูกผลักดันและผ่านเป็นกฎหมายเมื่อเดือนมกราคม และจะส่งถึงการห้ามจำหน่ายเนื้อสุนัขอย่างมีประสิทธิภาพ นับจากปี 2570
เธอยังเคียงคู่สามีไปเยือนต่างประเทศทุกครั้ง เริ่มจากการประชุมสุดยอดขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2565 จุดประกายความสนใจจากสื่อในเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวและภูมิหลังของเธอ ที่ถูกจับจ้องที่สุดคือการไม่ไปร่วมพิธีรำลึก "ซัมอิลจอล" หรือวันแห่งการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราช (Independence Movement Day) ที่ถือเป็นการแหวกธรรมเนียม เนื่องจากสุภาพสตรีหมายเลข 1 ทุกคน ต่างเข้าร่วมพิธีนี้ ตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีคิม แดจุง เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2541 และทำเนียบประธานาธิบดีก็ยังคงเงียบเฉยไม่ระบุเหตุผลที่เธอไม่เข้าร่วมอีกเช่นเคย
ผู้สันทัดกรณีด้านการเมืองมองว่า การไม่ปรากฏตัวของคิมอาจเพิ่มโอกาสให้คะแนนนิยมของสามีของเธอกระเตื้องขึ้น ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 10 เมษายน 2567 ผลสำรวจของกัลลัพ เกาหลี (Gallup Korea) ชี้ว่า คะแนนนิยมของเขาเพิ่มเป็น 39% จากปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565
การจงใจกันคิมออกจากภารกิจอย่างเป็นทางการ ก็เพื่อทำให้เธอไม่ตกเป็นที่สนใจเพื่อบรรเทาความรู้สึกเชิงลบ โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวกระเป๋าแบรนด์เนม "คริสเตียน ดิออร์" (Christian Dior) ที่ปะทุขึ้นเมื่อปลายปี 2566 กรณีคลิปวิดีโอแอบถ่ายที่ถูกเผยแพร่ใน Youtube แสดงให้เห็นคิมรับกระเป๋าหรูราคา 3 ล้านวอน เป็นของขวัญ ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายห้ามการรับสินบน และฉุดคะแนนนิยมของประธานาธิบดียุนลงไปต่ำกว่า 30% เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนอีกด้วย
ประธานาธิบดียุนได้ชี้แจงผ่านการให้สัมภาษณ์ช่อง KBS ที่บันทึกเทปล่วงหน้าก่อนเทศกาลตรุษจีนว่า ภรรยาของเขาไม่ใช่คนใจแข็งพอที่จะปฏิเสธของขวัญราคาแพง แต่เขาไม่ได้ขออภัยต่อสาธารณชนในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งนอกจากเรื่องกระเป๋าแล้วยังมีเรื่องอื้อฉาวอื่น ๆ ที่รวมถึงความเชื่อลัทธิร่างทรง, ปลอมวุฒิการศึกษาและเลี่ยงภาษี ที่ล้วนแล้วแต่ทำให้สามีตกเป็นเป้าการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม