Golos องค์กรอิสระของยุโรปที่ติดตามการเลือกตั้งทั่วโลก เปิดเผยว่าการเลือกตั้งในปีนี้ของรัสเซียที่ใช้เวลานาน 3 วัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน เป็นการเลือกตั้งที่โปร่งใสน้อยที่สุดเท่าที่รัสเซียเคยจัดการเลือกตั้งมา โดยนี่เป็นการเลือกตั้งเพื่อเลือกประธานาธิบดีรัสเซียครั้งแรก ที่ขยายเวลาเลือกตั้งจาก 1 วัน มาเป็น 3 วัน
สตานิสลาฟ ออเดรชุก ประธานร่วมของ Golos ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่าการเลือกตั้งที่ใช้เวลานานถึง 3 วัน และยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้อุปกรณ์อีเล็กโทรนิกส์ในการเลือกตั้งของรัสเซีย ยิ่งทำให้ขั้นตอนการเลือกตั้งดูไม่โปร่งใส และน่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ 33 ปีของประเทศรัสเซีย นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งการใช้อุปกรณ์อีเล็กโทรนิกส์ในการนับคะแนน ทำให้อาจมีการเปลี่ยนแปลงผลการนับคะแนนได้ และยากต่อการตรวจสอบ และการเลือกตั้งที่ใช้เวลานาน 3 วัน ก็มีความเสี่ยงที่หีบบรรจุผลเลือกตั้ง อาจถูกสลับสับเปลี่ยนตอนกลางคืน
รอยเตอร์ได้รับรายงานว่า มีชาวรัสเซียจำนวนมากที่ทำงานในบริษัทของรัฐบาลที่ถูกบังคับให้ออกไปใช้สิทธ์เลือกตั้งในวันแรก และทุกคนต้องถ่ายรูปเซลฟี่ของตัวเองที่คูหาเลือกตั้ง เพื่อส่งให้หัวหน้าหรือผู้จัดการดูเป็นหลักฐาน ซึ่งรัฐบาลรัสเซียต้องการให้คนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความชอบธรรม และหาก วลาดิมีร์ ปูติน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นประธานาธิบดีรัสเซียต่อ ก็จะแสดงให้เห็นว่าชาวรัสเซียยังคงสนับสนุนปูติน แม้เขาจะเป็นผู้ริเริ่มก่อสงครามในยูเครน จนทำให้รัสเซียถูกนานาชาติคว่ำบาตร
การเลือกตั้งในวันแรก มีคนออกมาใช้สิทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 33% แต่หากดูตัวเลขในพื้นที่ห่างไกลอย่างไซบีเรีย มีคนออกมาใช้สิทธิ์มากกว่า 60% ส่วนในพื้นที่ของยูเครนที่รัสเซียยึดครอง อย่างโดเนสก์ และเคอร์สัน มีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 70%
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยมีการให้หน่วยงานจากต่างประเทศ 706 แห่ง เฝ้าสังเกตุการเลือกตั้ง และคาดว่าผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ จะเริ่มประกาศได้ภายในคืนพรุ่งนี้