ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (14 มีนาคม) โดยโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงในดินแดนบางส่วนที่รัสเซียยึดครองจากภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนและผนวกรวมเข้ากับรัสเซียในปี 2565 ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีช่วงวันที่ 15-17 มีนาคมนี้
เขาบอกด้วยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ตอกย้ำว่า หนึ่งในหลักการสำคัญที่ขาดไม่ได้ของรัฐประชาธิปไตย คือ มีการเลือกตั้ง และผลเลือกตั้งมีผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาประเทศในอีกหลายปีข้างหน้า เขาย้ำว่า การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกรักชาติ และทุกคะแนนเสียงมีค่าและมีความหมาย
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันอีก 3 คน แต่ทั้งหมดล้วนสนับสนุนนโยบายของปูติน ขณะที่ผู้สมัครอีก 2 คน ซึ่งหวังสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเรียกร้องให้ยุติสงครามในยูเครน ถูกตัดสิทธิ
ผลสำรวจความคิดเห็นหลายครั้ง บ่งชี้ว่า ปูตินยังคงได้รับการสนับสนุนจากชาวรัสเซียส่วนใหญ่ โดยผลสำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว พบว่า เขายังมีคะแนนนิยมมากถึง 75%
ปูติน วัย 71 ปี กุมอำนาจบริหารรัสเซียยาวนาน 24 ปี ผ่านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสลับกันตั้งแต่ปี 2543 ถือเป็นผู้นำที่ปกครองรัสเซียยาวนานที่สุดนับตั้งแต่โจเซฟ สตาลิน ในยุคสหภาพโซเวียต โดยขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 4
ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญรัสเซียกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัยติดต่อกัน แต่มีการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2563 ที่จะทำให้ปูตินสามารถลงสมัครเลือกตั้งได้อีก 2 สมัยที่มีวาระครั้งละ 6 ปีติดต่อกัน ซึ่งจะทำให้เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งได้จนถึงปี 2579 และในการเลือกตั้งเมื่อปี 2561 ปูตินชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 76.7%
การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดให้ใช้สิทธิลงคะแนนทางออนไลน์ ใน 27 แคว้นของรัสเซีย และไครเมีย ซึ่งเป็นดินแดนที่รัสเซียยึดมาจากยูเครนและผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในปี 2557 นอกจากนี้การเลือกตั้งยังจัดในแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันซก์, ซาปอริสเซีย และเคอร์ซอน ที่รัสเซียยึดได้จากสงครามในยูเครนในปี 2565 อีกด้วย
นักวิเคราะห์ มองว่า ปูตินหวังใช้การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า การทำสงครามในยูเครน ที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปี ยังคงได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
ปูตินเริ่มใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 และกองทัพรัสเซียสามารถยึดพื้นที่บางส่วนในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน แต่สงครามครั้งนี้ทำให้ชาวรัสเซียหลายแสนคนหนีออกนอกประเทศ โดยเฉพาะหลังจากมีการบังคับเกณฑ์ทหารและระดมพลครั้งใหญ่
ชาวรัสเซียในต่างแดนมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ บางคนก็เตรียมใช้สิทธิเลือกตั้งในต่างแดน แม้รู้ดีว่าไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดี ขณะที่บางคนเลือกไม่ใช้สิทธิลงคะแนน เพราะไม่อยากมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง ที่จะช่วยสร้างภาพว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตย