svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ย้อนอดีตว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอินโดฯ จากทหารสายแข็ง สู่คุณปู่ผู้น่ารัก

15 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ย้อนอดีต "ปราโบโว ซูเบียนโต" ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย จากอดีตทหารสายแข็งที่ถูกกล่าวหาว่ามือเปื้อนเลือดในการกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม สู่การเป็นคุณปู่ที่น่ารักในการหาเสียง และคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้สำเร็จ หลังจากที่เคยพ่ายแพ้มาแล้วสองครั้ง

ปราโบโว ซูเบียนโต ว่าที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนใหม่ อดีตพลโทของกองกำลังพิเศษที่เคยถูกอเมริกาขึ้นบัญชีดำ เพราะเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคน สำหรับคนอินโดนีเซียที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เขามีภาพลักษณ์ว่าเป็นนายทหารที่โหดเหี้ยมและปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด จนหลายคนหวาดกลัว แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทัน มองเขาว่าเป็นคุณปู่ใจดี ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนโยน มีรอยยิ้มน่ารัก แล้วยิ่งในช่วงหาเสียง มีการปรับภาพลักษณ์ปราโบโว ให้เป็นตัวการ์ตูนรูปร่างตุ้ยนุ้ย ทำให้เขาได้ชื่อเล่นว่า “เจมอย” ที่แปลว่า น่ารัก น่ากอด และกลายเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่ แต่อาจจะไม่รู้มาก่อนว่า ในอดีต เขาเคยทำอะไรมาบ้าง

ย้อนอดีตว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอินโดฯ จากทหารสายแข็ง สู่คุณปู่ผู้น่ารัก

ปราโบโว ซูเบียนโต เกิดวันที่ 17 ตุลาคม ปี 1951 ขณะนี้ อายุ 72 ปี มีประสบการณ์ทั้งในแวดวงการทหาร การเมือง และธุรกิจ เขาเกิดในตระกูลชนชั้นสูงที่ร่ำรวยของอินโดนีเซีย มีคุณปู่เป็นผู้ก่อตั้งธนาคารเนการา อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นธนาคารรัฐแห่งแรกของอินโดนีเซีย ส่วนคุณพ่อของเขาเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงด้านเศรษฐกิจหลายกระทรวงในยุคสมัยที่ ซูการ์โน เป็นประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย ในช่วงปี 1945 ถึงปี 1967 แต่ในช่วงท้ายๆ เกิดมีความขัดแย้งกัน ทำให้ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ  

ย้อนอดีตว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอินโดฯ จากทหารสายแข็ง สู่คุณปู่ผู้น่ารัก

ปราโบโว ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นส่วนใหญ่ในยุโรป หลังจากที่สำเร็จการศึกษาจาก The American School in London เขาเดินทางกลับมาที่อินโดนีเซีย และได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายทหาร ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาในปี 1974 และเข้ารับราชการทหารทันที ในปี 1983 เขาได้แต่งงานกับ ติติก ซูการ์โน ลูกสาวของ ซูฮาร์โต อดีตประธานาธิบดีที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเผด็จการ ที่เลวร้ายที่สุดคนหนึ่ง ที่ปกครองประเทศนานถึง 32 ปี

 

ในระหว่างที่ซูฮาร์โต เป็นประธานาธิบดี ปราโบโวก็ได้รับการเลื่อนขั้นให้รับตำแหน่งทางทหารที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1998 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ ที่มีชื่อว่า โคปาสซุส ซึ่งมีกำลังพล 27,000 นาย ก่อนที่จะหลุดจากตำแหน่งในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา พร้อมกับการลาออกของซูฮาร์โต

 

ปราโบโวเป็นทหารนานถึง 24 ปี ในระหว่างนี้ เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปราบปราบและกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและปิดปากผู้ประท้วงอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัวนักศึกษามากกว่า 20 คน ที่เคลื่อนไหวต่อต้านซูฮาร์โต ที่มีทั้งคนที่เสียชีวิตและถูกทรมาน รวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงในติมอร์ตะวันออก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน แม้ว่าเขาจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ทำให้ประชาชนในยุคนั้น รู้สึกหวาดกลัวปราโบโว และหวั่นเกรงว่า หากเขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี อินโดนีเซียคนใหม่ จะทำให้ความเป็นประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพในอินโดนีเซียถดถอยลง

หลังจากที่ยุติเส้นทางอาชีพทหาร ปราโบโวเริ่มหันมาทำธุรกิจกับน้องชาย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของอินโดนีเซีย ซึ่งธุรกิจของเขามีทั้งธุรกิจพลังงาน และการประมง ครอบคลุมกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากนั้น เขาเริ่มเข้าสู่วงการเมือง และได้ก่อตั้งพรรคเกอรินดรา ในปี 2008 และค่อยๆ สะสมความนิยม จนลงสนามเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียมาแล้วสองครั้งในปี 2014 และปี 2019 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับ โจโก วิโดโด ทั้งสองสมัย แต่ถึงจะพ่ายแพ้ เขาก็ได้ร่วมรัฐบาลและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ก่อนที่จะคว้าชัยชนะมาได้สำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งประสบการณ์จากการลงสนามเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา ทำให้เขากลายเป็นผู้สมัครที่คนอินโดนีเซียดูคุ้นหน้ามากที่สุด บวกกับการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจจริงในการเข้ามาบริหารประเทศ

ย้อนอดีตว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอินโดฯ จากทหารสายแข็ง สู่คุณปู่ผู้น่ารัก

การเลือกตั้งครั้งนี้ ปราโบโว จับมือหาเสียงคู่กับ กีบราน ราคาบูมิง ราคา ลูกชายของ โจโก วิโดโด ในฐานะผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งตรงนี้ ทำให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากกลุ่มคนที่สนับสนุน วิโดโด ด้วย ทั้งคู่สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจต่อจากวิโดโด ทั้งเรื่องการลงทุนด้านงานวิจัย พัฒนาการศึกษา เพิ่มการจ้างงาน 19 ล้านตำแหน่ง ส่งเสริมพลังงานทางเลือก ต่อต้านคอร์รัปชัน รวมทั้งสานต่อนโยบายการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองใหม่ ที่ตั้งชื่อว่า นูซันทารา ในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว

 

ต้องติดตามการบริหารประเทศของปราโบโว หลังจากที่เขาเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย ว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นผู้นำคนใหม่ และลบล้างภาพลักษณ์ในอดีตที่ผู้คนเคยหวาดกลัวได้หรือไม่ หรือภายใต้รอยยิ้มและท่าทีที่ดูน่ารักน่ากอด ที่เราเห็นตอนหาเสียง จะเป็นแค่ภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้หาเสียงเท่านั้น แต่ด้วยระบบการเลือกตั้งของอินโดนีเซีย กว่าที่ปราโบโวจะเข้ามาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ก็ต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในระหว่างนั้น ก็จะเป็นการเจรจากันในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล ว่าใครจะได้บริหารกระทรวงไหนกันบ้าง ซึ่งจะเป็นการเจรจาต่อรองกันระหว่างปราโบโว ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ กับ โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ที่ยังต้องการวางตัวคนของตัวเองให้คุมกระทรวงสำคัญๆ เอาไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์การเมืองของอินโดนีเซีย มองว่าการเจรจาอาจจะมีความตึงเครียดกว่าที่คิด เพราะทั้งสองฝ่ายอาจจะไม่ยอมปล่อยกระทรวงสำคัญให้อีกฝ่าย

 

ในส่วนของปฏิกริยาการยอมรับจากนานาชาติ ก็เป็นความท้าทายอีกอย่างที่ปราโบโวต้องเผชิญ หากเขาเดินทางไปเยือนต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันตก อาจจะเจอกับการประท้วงและถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอดีต และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นคุณปู่ผู้น่ารักมากแค่ไหน แต่ประเทศตะวันตกยังคงจดจำเขาในฐานะทหารผู้มีอารมณ์แปรปรวน มากกว่า แต่คาดว่า ผู้นำต่างชาติจะรักษาท่าที และแกล้งทำเป็นลืมเรื่องในอดีตของปราโบโว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง และสานความสัมพันธ์ที่ดีกับอินโดนีเซียต่อ ในฐานะยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาค

 

logoline