ช่วงนี้ นอกจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นจะถูกแล้ว ทำให้มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวและชอปปิงที่ญี่ปุ่นกันอย่างสนุกสนาน คนต่างชาติยังสนใจที่จะซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปกติแล้ว ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีราคาบ้านแพงที่สุดในโลก จนไม่มีชาวต่างชาติที่ไหนคิดจะมาซื้อบ้านในญี่ปุ่น แม้แต่คนรวยๆ ก็ไม่อยากซื้อ เพราะดูเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
แต่ในตอนนี้ กำลังเกิดปรากฏการณ์มีการประกาศขาย “บ้านร้าง” จำนวนมากในญี่ปุ่น ซึ่งบ้านเหล่านี้ มักอยู่ในชนบท สภาพค่อนข้างทรุดโทรม แต่ก็น่าสนใจ เพราะมีราคาถูก บ้านหลายๆ หลัง มีราคา หากคิดเป็นเงินไทยแล้ว ไม่ถึง 1 ล้านบาท จึงทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนมากสนใจที่จะซื้อ "บ้านร้าง" ลักษณะนี้
สาเหตุที่บ้านร้างเหล่านี้ ขายในราคาที่ถูก เพราะหนุ่มสาวญี่ปุ่นไม่อยากได้บ้านเหล่านี้เป็นมรดก หลายคนอยากอาศัยอยู่ในเมือง มากกว่าอยู่ในชนบทห่างไกล ที่ไม่มีงานทำ และไม่อยากรับบ้านร้างมาเป็นภาระด้านการเงิน เพราะนอกจากจะต้องเสียภาษีมรดกแล้ว ก็ต้องเสียเงินดูแล บำรุงรักษาบ้าน ขณะที่ชาวต่างชาติ ที่ต้องการซื้อบ้านในญี่ปุ่น ไม่ได้คิดมากเรื่องบ้านที่จะซื้ออยู่ห่างไกล กลายเป็นข้อดีซะอีก เพราะเงียบสงบ และหากเป็นบ้านที่มีวิวสวยๆ อยู่ติดภูเขา หรือมองเห็นทะเล ชาวต่างชาติยิ่งชอบ
เรามาดูเรื่องกฎหมายการซื้อบ้านในญี่ปุ่นกันบ้าง ว่าหากชาวต่างชาติมีแผนที่จะซื้อบ้านในญี่ปุ่น ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ตามกฎหมายแล้ว ญี่ปุ่นไม่มีข้อห้ามใดๆ ที่จะกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านหรือที่ดินในญี่ปุ่น แม้แต่ชาวต่างชาติที่ไม่มีวีซาให้พักอาศัยในญี่ปุ่นเป็นระยะเวลานานๆ ก็ซื้อบ้านในญี่ปุ่นได้ และเมื่อซื้อแล้ว ก็สามารถขายต่อ โอนต่อ หรือส่งต่อเป็นมรดกให้คนอื่นได้ ส่วนภาษีก็เสียในอัตราที่เท่ากับคนญี่ปุ่นด้วย
เอกสารสำหรับการซื้อบ้านในญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากการซื้อบ้านในประเทศอื่น เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หากเป็นชาวต่างชาติก็หนังสือเดินทาง หนังสือรับรอง ตราประทับ แต่ว่าการดำเนินงานด้านเอกสารค่อนข้างซับซ้อนและมีความยุ่งยาก ดังนั้น ชาวต่างชาติที่ซื้อบ้านในญี่ปุ่นต้องใช้บริการของบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การดำเนินงานด้านเอกสาร ไม่มีอะไรผิดพลาด
สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยในญี่ปุ่น หากตัดสินใจซื้อบ้านในญี่ปุ่น เจอบ้านที่ถูกใจแล้ว มีเงินพร้อมซื้อแล้ว อาจจะต้องเดินทางไปญี่ปุ่นอย่างน้อยสองครั้งเพื่อตรวจสอบบ้านที่จะซื้อและดำเนินการเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ โดยในวันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินค่าบ้านทั้งหมด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว ก็สามารถย้ายของเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมว่ายังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมบำรุงบ้าน หากเป็นบ้านเก่าที่ไม่มีโครงสร้างรับแผ่นดินไหว ยิ่งมีค่าใช้จ่ายเยอะ และยังมีภาษีที่ต้องจ่ายทุกปี เช่น ภาษีทรัพย์สินถาวร ภาษีผังเมือง ภาษีรายได้จากการปล่อยเช่า และหากขายต่อก็ต้องเสียภาษีจากกำไรที่ขายได้ด้วย
แต่ชาวต่างชาติจากหลายประเทศ ก็มองว่าแม้จะต้องเสียค่าซ่อมบำรุงและภาษี แต่ราคาบ้านร้างในญี่ปุ่น ก็ยังถูกกว่าราคาบ้านในประเทศตัวเองมาก ซึ่งชาวต่างชาติเหล่านี้ ไม่ได้ตั้งใจจะย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นอย่างถาวร แต่ตั้งใจซื้อเก็บไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ และเปิดให้เช่า
อีกประเด็นหนึ่งที่อาจจะต้องเก็บไว้พิจารณาหากอยากซื้อบ้านร้างในญี่ปุ่น คืออย่างที่บอกไปแล้วว่า บ้านร้างเหล่านี้ มักอยู่ในชนบทที่ห่างไกล ซึ่งชนบทของญี่ปุ่น ยังคงรักษาวิถีการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่มาก และมักไม่ค่อยเปิดรับคนภายนอกให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ยิ่งเป็นชาวต่างชาติ ยิ่งอาจถูกมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดังนั้นตอนที่ไปเลือกซื้อบ้าน ก็อย่าลืมทักทาย พูดคุยกับคนข้างบ้าน หรือคนในหมู่บ้านด้วย ว่าเขามีความเป็นมิตรมากน้อยแค่ไหน