ทำความรู้จักกับเขื่อน "โนวา คาคอฟกา" (Nova Kakhovka)
เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างตั้งแต่ยุคโซเวียต อยู่บนแม่น้ำดนิโปร (Dnipro River) ในพื้นที่ทางใต้ของยูเครน โดยเป็นทั้งแนวหน้าและคั่นกลางระหว่างกองกำลังของรัสเซียและของยูเครน เขื่อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ "โนวา คาคอฟกา" มีความสูง 30 เมตร และยาว 3.2 กิโลเมตร การก่อสร้างเริ่มขึ้นในสมัยของอดีตผู้นำโซเวียต โจเซฟ สตาลิน (Josef Stalin) ในปี 2499 และเสร็จในสมัยของ นิกิตา ครุชชอฟ (Nikita Khrushchev)
เกิดอะไรขึ้น
การกล่าวหากัน
ยูเครนเป็นฝ่ายเปิดก่อนด้วยการโยนให้รัสเซียเป็นผู้รับผิดชอบ โดย ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวโทษกองทัพรัสเซียว่าวางระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา Kakhovskaya HPP (Kakhovka Hydroelectric Power Station) จากข้างใน และรัสเซียจะต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ตามข้อกล่าวหาของยูเครนระบุว่า เมื่อเวลา 02.50 น. ผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซียได้จุดระเบิดจากภายในโครงสร้างของโรงไฟฟ้า ทำให้ที่ตั้งถิ่นฐานราว 80 แห่ง อยู่ในเขตน้ำท่วม และเชื่อว่าเป็นเจตนาของรัสเซียที่จะขัดขวางไม่ให้ทหารยูเครนข้ามแม่น้ำดนิโปร ไปโจมตีทหารรัสเซีย
รัสเซียตอบโต้ว่า ยูเครนเป็นฝ่ายก่อวินาศกรรมเพื่อตัดการส่งน้ำไปยังไครเมีย และเบี่ยงเบนความสนใจไปจากการต่อสู้ที่ไม่คงเส้นคงวาของยูเครน ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่รัสเซียบางคนบอกว่า ไม่มีการโจมตีใด ๆ ที่เขื่อนแห่งนี้ แต่เขื่อนน่าจะแตกเพราะแรงดันของน้ำ
ผลกระทบต่อมนุษย์
การที่ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ ย่อมกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหลายหมื่นคน ทำให้ต้องอพยพประชาชนทั้งฝั่งรัสเซียและยูเครน ภาพถ่ายดาวเทียมของ Maxar Technologies บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นพื้นที่มากกว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร ระหว่างเขื่อนโนวา คาคอฟกา กับอ่าวดนิโปรฟสกา (Dniprovska Gulf) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเคอร์ซอน ในทะเลดำเต็มไปด้วยเมืองและหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วม ทางการยูเครนประเมินว่า มีประชาชนที่จะได้รับความเดือดร้อนจากเขื่อนแตกราว 42,000 คน และคาดว่าจะพุ่งสูงสุดในวันนี้ (7 มิถุนายน 2566) รวมทั้งคนที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียราว 25,000 คน ส่วนที่ไครเมียก็คาดว่าจะมีราว 80 ชุมชน ที่ได้รับผลกระทบ
ไครเมีย (Crimea)
ความเสียหายของเขื่อนเสี่ยงที่จะทำให้ระดับน้ำในคลองนอร์ธ ไครเมีย (North Crimean Canal) ลดลง ซึ่ง 85% ของการใช้น้ำในไครเมียมาจากคลองนี้ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อทำการเกษตรกรรม บางส่วนใช้ในอุตสาหกรรม และราว 1 ใน 5 ใช้เพื่อการบริโภคและความจำเป็นอื่น ๆ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power Plant) ต้องอาศัยน้ำจากอ่างเก็บน้ำในการหล่อเย็น และปัจจุบันโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในความยึดครองของรัสเซีย
ราฟาเอล กรอสซี่ ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) หรือ IAEA ให้ความเห็นว่า จากการประเมินในปัจจุบันพบว่ายังไม่พบความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ แต่ก็บอกว่าจำเป็ต้องทำให้บ่อหล่อเย็นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่เพียงพอสำหรับการหล่อเย็นเครื่องปฏิกรณ์ที่หยุดทำงาน
เขื่อนแตกใครได้ประโยชน์
ถ้าเป็นการก่อวินาศกรรม ก็จะสะท้อนเหตุการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดของท่อส่งก๊าซ "นอร์ดสตรีม" (Nordstream) และตะวันตกก็กล่าวหารัสเซียทั้ง 2 เหตุการณ์ ซึ่งรัสเซียก็ตอบโต้อย่างมีเหตุผลว่า "ไม่ใช่ฝีมือเรา เราจะทำไปทำไม ในเมื่อเราเป็นฝ่ายที่เจ็บ"
ความน่าเชื่อถือของรัสเซีย
ถ้าคำปฏิเสธของรัสเซียเป็นความจริง ก็มีเหตุผลสนับสนุนอยู่ 2 ประการ
ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของใครก็ตาม มวลน้ำมหาศาลที่ทะลักเข้าท่วมได้ส่งผลให้ทหารรัสเซียต้องถอยร่นจากฐานที่ใช้ในการยิงปืนใหญ่และขีปนาวุธข้ามไปยังฝั่งยูเครน ส่วนรถหุ้มเกราะของยูเครนก็ไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเพื่อรุกคืบเข้าไปได้เช่นกัน