ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ร่วมวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์เหยื่อระเบิดปรมาณู และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา ภายในสวนสันติภาพแห่งชาติในเมืองฮิโรชิมา พร้อมกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566
ผู้นำยูเครน แถลงข่าวภายหลังว่า แม้รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน แต่หลังจากระเบิดถล่มเมืองต่าง ๆ วอดวายในยูเครน ดูคล้ายภาพความเสียหายจากระเบิดปรมาณูในฮิโรชิมาเมื่อกว่า 70 ปีก่อนที่เขาเห็นในพิพิธภัณฑ์ และภาพของฮิโรชิมาทำให้เขานึกถึงความเสียหายในเมืองบัคมุตและเมืองเล็ก ๆ ทั้งหลายในยูเครน
บัคมุตเป็นสมรภูมิสำคัญที่มีการสู้รบอย่างดุเดือด ที่รัสเซียอ้างว่า สามารถยึดไว้ได้แล้ว แต่เซเลนสกีกล่าวปฏิเสธ และบอกด้วยว่า บัคมุตจะได้รับการฟื้นฟูบูรณะในอนาคต แบบเดียวกับที่ฮิโรชิมากลายเป็นเมืองทันสมัยและมีชีวิตในขณะนี้
เซเลนสกีสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก นับจากรัสเซียบุกยูเครนเมื่อต้นปีที่แล้ว เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี7 ในวันสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคมที่ฮิโรชิมา เพื่อหวังได้การสนับสนุนจากชาติจี7 และแสดงความหวังว่าจะได้รับสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและอื่น ๆ จากญี่ปุ่นในการฟื้นฟูประเทศที่เสียหายจากสงคราม
การเยือนญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่งของการเดินสายเยือนในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียรวมเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแสวงหาการสนับสนุนสำหรับปฏิบัติการตอบโต้รัสเซีย โดยย้ำว่า ชัยชนะของยูเครนเหนือรัสเซียจะสามารถยับยั้งผู้รุกรานอื่นใดของโลกในอนาคต เขาบอกว่า “เมื่อทุกคนที่ต้องการสงคราม เห็นว่าโลกมุ่งมั่นต้องการสันติภาพเพียงใด เมื่อนั้นก็ไม่มีทางจะเริ่มก่อสงคราม” เขายังบอกด้วยว่า แผนสันติภาพ 10 ข้อของเขาเป็น “หนทางรอดจากสงคราม”
แผนของเขาที่เสนอเมื่อเดือน พ.ย. เรียกร้องให้ฟื้นคืนพรมแดนของยูเครน ถอนทหารรัสเซียออกจากยูเครน และให้หลักประกันความมั่นคงเรื่องนิวเคลียร์ พลังงาน และอาหาร
เซเลนสกีเดินทางถึงฮิโรชิมาในวันเสาร์ และที่ประชุมจี7 เลื่อนออกแถลงการณ์ร่วม่ให้เร็วขึ้นหนึ่งวันโดยระบุว่า จะให้การสนับสนุนยูเครนจนกว่าสงครามจะสิ้นสุด และเรียกร้องให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหาร ถอนกำลังออกจากยูเครนทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมถึงกดดันให้จีนแสดงบทบาทเพื่อยุติสงคราม
เซเลนสกียังได้เข้าร่วมการประชุมกับผู้นำจี7 และเวทีผู้นำจี7 และแขกรับเชิญอีกหลายชาติในวันอาทิตย์ รวมถึงแยกหารือกับผู้นำหลายชาติตลอด 2 วัน รวมถึง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย เกาหลีใต้และอินโดนีเซีย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่แก่ยูเครนอีก 375 ล้านดอลลาร์ หลังจากตกลงสนับสนุนแผนของชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนในการจัดหาและฝึกฝนการบินเครื่องบินขับไล่ F-16 แก่ยูเครน โดยสหรัฐฯ จะร่วมฝึกฝนให้กับนักบินยูเครน และส่งสัญญาณเปิดทางให้ชาติอื่นส่งมอบ F-16 ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ แก่ยูเครน
ผู้นำญี่ปุ่นเชิญ 8 ชาตินอกกลุ่มจี7 ซึ่งรวมถึง อินโดนีเซีย ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เพื่อหวังกระชับความร่วมมือต่อสู้กับความท้าทายของโลก รวมถึงสงครามยูเครน แต่ยังคงเห็นนโยบายที่แตกต่างกันของชาติต่าง ๆ ต่อวิกฤตยูเครน และนักวิเคราะห์ มองว่า การปรากฏตัวของเซเลนสกีเพิ่มแรงกดดันให้ผู้นำจี7 ให้คำมั่นเพิ่มการสนับสนุน หรือ อธิบายเหตุผลกับเขาโดยตรงว่า ทำไมไม่สามารถทำได้
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ให้คำมั่นว่า จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อคลี่คลายวิกฤตยูเครน แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะคว่ำบาตรหรือจำกัดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย
ขณะเดียวกันเซเลนสกี ยอมรับว่า เขาคาดหวังที่จะเห็นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้สนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครน เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่สามารถทำได้ แต่ก็บอกด้วยว่า เขาเข้าใจดีว่า ความซับซ้อนด้านสภานิติบัญญัติและรัฐธรรมนูญ ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลบางประเทศ
ส่วนเรื่องคำมั่นสัญญาของจี7 ที่จะเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพื่อตัดแหล่งรายได้ที่จะนำไปใช้ในสงคราม มีอังกฤษเพียงชาติเดียวที่ประกาศชัดเจนว่าจะห้ามนำเข้าเพชรของรัสเซีย แต่ชาติอื่น ๆ แค่แสดงเจตนาจำกัดการค้าเพชรของรัสเซีย