สื่อหลายสำนักงานรายงานสดเมื่อประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ลงจากเครื่องบินของรัฐบาลฝรั่งเศส ที่สนามบินในเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นในวันเสาร์ (20 พ.ค.) และเขาทวีตทันทีที่เดินทางถึงว่า “การพบปะที่สำคัญกับหุ้นส่วนและมิตรของยูเครน ความมั่นคงและการเพิ่มความร่วมมือเพื่อชัยชนะของยูเครน และสันติภาพเข้าใกล้มากขึ้นในวันนี้”
การปรากฏตัวของเขาสร้างความประหลาดใจ หลังจากเดิมทางการญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เซเลนสกีอาจเข้าร่วมการประชุมจี7 ในวันสุดท้ายในวันอาทิตย์ผ่านออนไลน์ และต่อมามีกระแสข่าว ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางการยูเครนเมื่อวันศุกร์ว่า เซเลนสกีจะบินไปร่วมการประชุมที่ญี่ปุ่นในวันอาทิตย์
การเยือนของเขามีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แจ้งกับผู้นำจี7 ในการประชุมวันแรกเมื่อวันศุกร์ว่า เขาสนับสนุนแผนของชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนในการจัดหาและฝึกการบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 แก่ยูเครน การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการปรับเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการจัดหา F-16 ให้ยูเครนตามที่ร้องขอ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการฝึกบิน และความเสี่ยงทำให้ความขัดแย้งกับรัสเซียลุกลาม
เซเลนสกีจะเข้าร่วมประชุมในฐานะแขกในช่วงหารือเรื่องสันติภาพและเสถียรภาพ ระหว่างผู้นำจี7 กับประเทศที่ไม่ใช่ชาติสมาชิกในวันสุดท้าย และจะหารือกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะด้วย
ผู้นำจี7 ระบุในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ว่า จะร่วมกันจำกัดการส่งออกเครื่องจักรทางอุตสาหกรรม เครื่องมือ และเทคโนโลยี แก่รัสเซีย ที่สามารถนำไปใช้ในสงครามในยูเครน และจะแสวงหาทางจำกัดรายได้ของรัสเซียจากการค้าโลหะและเพชร
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศในวันศุกร์ เพิ่มรายชื่อองค์กรอีก 71 รายในบัญชีดำฐานให้การสนับสนุนรัสเซีย ซึ่ง 69 รายเป็นองค์กรในรัสเซีย และขยายการควบคุมการส่งออก ที่พุ่งเป้าโครงการน้ำมันและก๊าซในรัสเซียและเบลารุส
ในวันเดียวกันรัสเซียตอบโต้ด้วยการประกาศห้ามชาวอเมริกัน 500 คน เดินทางเข้ารัสเซีย ซึ่งรวมถึง อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา อดีตเอกอัครราชทูตจอห์น ฮันต์สแมน, วุฒิสมาชิกบางคน, ชาลส์ คิว บราวน์ จูเนียร์ ที่คาดว่าจะเป็นประธานเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่ รวมถึง เอริน เบอร์เน็ตต์ ผู้ประกาศข่าวของซีเอ็นเอ็น และจิมมี คิมเมล พิธีกรายการโทรทัศน์