
ก่อนหน้านั้นผู้นำทั้งหมดได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รำลึกสันติภาพฮิโรชิมา ภายในสวนสันติภาพฮิโรชิมา พิพิธภัณฑ์รวบรวมสิ่งของและภาพถ่ายแสดงถึงหายนะจากกองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมาในปี 2488 และสวนสันติภาพถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับประชาชนกว่า 100,000 คน ที่เสียชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อ 78 ปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีคิชิดะ เลือกฮิโรชิมาเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำจี7 เพื่อหวังให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์เป็นวาระหลัก ท่ามกลางกระแสข่มขู่ของรัสเซีย ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามกับยูเครน และจีนเสริมสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ทางการยูเครนยืนยันล่าสุดแล้วว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จะเข้าร่วมซัมมิตจี7 ด้วยตัวเองที่ฮิโรชิมาในวันอาทิตย์ หลังมีรายงานข่าวว่า เขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินทหารของสหรัฐฯ ไปยังญี่ปุ่นเพื่อร่วมการประชุม ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เซเลนสกีจะร่วมการประชุมในวันอาทิตย์ผ่านออนไลน์
สหรัฐฯ เผยจะเพิ่มการควบคุมการส่งออกสินค้าที่จำเป็นในสนามรบเข้มงวดขึ้น และจะเพิ่มการคว่ำบาตรต่อบุคคล องค์กร เรือ และเครื่องบินของรัสเซียอีกเกือบ 300 รายการ และอังกฤษเตรียมประกาศห้ามนำเข้าทองแดง อะลูมิเนียม และนิกเกิลจากรัสเซีย รวมถึงเพิ่มรายชื่อบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินอีก 86 รายในบัญชีคว่ำบาตร
ส่วนประเด็นเรื่องจีน นักวิเคราะห์มองว่า ชาติจี7 มีความเห็นแตกต่างกัน โดยสหรัฐฯ ต้องการกดดันจีนเพิ่มมากขึ้น แต่เยอรมนีอยากให้ขยายความสัมพันธ์กับจีน และซัมมิตจี7 จัดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังจัดการประชุมสุดยอดกับผู้นำเอเชียกลาง ซึ่งเอเชียกลางเป็นสะพานเชื่อมจีนกับยุโรป และจีนกำลังเน้นกระชับสัมพันธ์กับยุโรป เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ