เหตุการณ์ที่กลายเป็นเรื่องถกเถียงในโลกออนไลน์ เกิดขึ้นที่มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 แต่มีคนแชร์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นไวรัล และทำให้ทางการท้องถิ่นต้อง ปรับทัศนคติของครูเสียใหม่ ว่าการลงโทษตามกฎระเบียบที่ตั้งขึ้น ถือเป็นการทำลายทรัพย์สินของนักเรียน แม้ว่าจะเป็นความยินยอมของผู้ปกครองก็ตาม
เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นจากการที่ ครูผู้หญิงของโรงเรียนมัธยมต้น "หมิงหยา" ลงโทษนักเรียนด้วยการให้เอาโทรศัพท์มือถือหย่อนลงไปในกะละมังที่ใส่น้ำไว้จนเต็ม กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในโลกออนไลน์หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ว่าการกระทำของครูนั้น "สุดโต่ง" จนเกินไป เพราะภาพที่เห็นไม่ใช่แค่โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว แต่ยังมีอีกหลายเครื่องที่เชื่อว่าถูกยึดมาได้กองอยู่ข้างกะละมังน้ำ ก่อนที่นักเรียนผู้เป็นเจ้าของจะมาหยิบใส่ลงไปในกะละมังทีละคน
ครูผู้ชายที่ขอไม่เปิดเผยตัวตนเปิดเผยต่อสื่อออนไลน์ Time Video ว่า โรงเรียนมีกฎที่เข้มงวดเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับเรื่องต้องห้ามอื่น ๆ รวมทั้งความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว, การสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มมึนเมา เขาบอกด้วยว่าการทำลายโทรศัพท์มือถือด้วยการขว้างลงพื้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ครูคนนี้คิดว่ายังไม่เหมาะสมและเลือกที่ใช้วิธีแช่น้ำแทน
ครูคนนี้ยังบอกอีกว่า มีการตกลงกับผู้ปกครองแล้วว่าจะมีการลงโทษเด็กที่นำโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียน ที่อาจนอกเหนือจากการให้ขว้างลงพื้น แต่ การขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้นอาจสร้างอิทธิพลที่ไม่ดีให้เด็ก ครูจึงตัดสินใจใช้วิธีให้เอาแช่น้ำแทน และเด็ก ๆ ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ
ในโลกโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยข้อความไม่เห็นด้วยจำนวนมาก เช่น
- แค่ยึดโทรศัพท์แล้วเอาคืนตอนเลิกเรียนไม่ได้หรือ
- เงินมันงอกออกมาจากต้นไม้ให้พ่อแม่เด็กไปเด็ดมาได้อย่างนั้นหรือ
- การลงโทษแบบนี้แสดงให้เห็นว่า โรงเรียนไร้ความสามารถเพียงใด ถึงไม่สามารถอบรมสั่งสอนนักเรียนด้วยเหตุผลได้
- โรงเรียนทำผิดกฎหมาย นักเรียนอาจแจ้งความเอาผิดคดีอาญาฐานทำลายทรัพย์สินของเอกชนได้เลย
นักเรียนจำนวนมากในจีน เพิ่งจะมีโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อใช้ในการเรียนออนไลน์ ในขณะที่ทางการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มข้น ทำให้บางข้อความในโซเชีย มีเดียจี้ใจดำว่า
"ตอนแรกก็บอกให้นักเรียนทำการบ้านผ่านโทรศัพท์ หลังจากกลับมาห้ามใช้"
เจ้าหน้าที่ของสำนักงานการศึกษาท้องถิ่นได้ชี้แจงว่า พวกเขาได้ตำหนิและปรับทัศนคติของครูแล้วว่า โรงเรียนไม่มีสิทธิ์ทำลายของใช้ของนักเรียน แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะอนุญาตก็ตาม