
ผลโพลล์บ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิบ แอร์โดอัน วัย 69 ปี เผชิญการเลือกตั้งครั้งยากลำบากที่สุดในเส้นทางอำนาจยาวนาน 20 ปี ในขณะที่เขาเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างมากต่อการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดและประเทศกำลังประสบกับเงินเฟ้อพุ่งสูงในระดับ 44% ความล่าช้าในการบรรเทาภัยพิบัติแผ่นดินไหวเมื่อเดือนก.พ. ที่คร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 50,000 ราย ความล้มเหลวในการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันความสูญเสียในประเทศที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว และความหละหลวมในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรฐานการก่อสร้างที่จะช่วย
และการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่ทำให้พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา (AKP) ของแอร์โดอัน ชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลในปี 2545 ในช่วงที่ตุรกีเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจและเงินเฟ้อพุ่งสูง
สภาพเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เป็นวาระหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง และปัจจัยที่ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจะตัดสินใจเลือกพรรคและผู้สมัครประธานาธิบดีคนใด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องวิกฤตค่าครองชีพ และความเสียหายจากแผ่นดินไหว
ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิออกเสียงครั้งแรกมากถึงเกือบ 8% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด และพวกเขาถูกมองว่า เป็นกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจกลุ่มใหญ่ที่สุด
คนหนึ่ง บอกว่า แอร์โดอันและพรรค AKP อยู่ในอำนาจมานานพอแล้ว และถึงเวลาต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่หากเขายังได้รับเลือกตั้งอีกสมัย จะเป็นฝันร้ายของทุกคน ขณะที่อีกคน บอกว่า ไม่เคยรู้จักผู้นำตุรกีคนอื่นนอกเหนือจากแอร์โดอัน และอีกคน เชื่อว่า แอร์โดอันเป็นผู้นำที่มีบารมี ซึ่งจำเป็นมากที่ต้องมีผู้นำที่ทรงพลังแบบนี้ในการเมืองตุรกี รวมทั้งเชื่อว่า แอร์โดอันจะยังรักษาคะแนนเสียงไว้ได้จากความสำเร็จในอดีต
คิลิชดาโรกลู วัย 74 ปี อดีตข้าราชการเกษียณ ให้คำมั่นว่า หากชนะเลือกตั้ง เขาจะเปลี่ยนนโยบายหลายอย่างของแอร์โดอัน ซึ่งรวมถึง ระบบประธานาธิบดีที่รวบอำนาจบริหารไว้ทั้งหมด หลังจากแอร์โดอันยกเลิกระบบรัฐสภา ที่มีนายกรัฐมนตรี ในปี 2561 และรวมอำนาจศูนย์กลางไว้ที่ประธานาธิบดี และจะเพิ่มสิทธิและเสรีภาพมากขึ้นแก่พลเมือง นอกจากนี้พันธมิตรของเขาให้คำมั่นว่าจะควบคุมเงินเฟ้อ คืนความอิสระแก่ธนาคารกลาง และปราบปรามคอร์รัปชัน
ล่าสุด มูฮาร์เรม อินซ์ หนึ่งในผู้สมัครประธานาธิบดี 4 คน ประกาศถอนตัวในวันพฤหัสบดี (11 พ.ค.) โดยให้เหตุผลว่า มีการหาเสียงให้ร้ายป้ายสีเขา
ที่ผ่านมาเขาถูกวิจารณ์จากพรรคฝ่ายค้านอย่างหนักว่า ตั้งใจลงสมัครเพื่อแย่งคะแนนเสียงของฝ่ายค้าน ที่จะช่วยให้แอร์โดอันอยู่ในอำนาจต่อไป
แม้อินซ์ไม่ได้ประกาศสนับสนุนผู้สมัครคนใด แต่คาดว่า คะแนนนิยมของเขาที่ลดลงจากเกือบ 15% เหลือราว 2-4% เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาจเทให้กับฝั่งคิชิดาโรกลูมากกว่าแอร์โดอัน และสื่อ คาดว่า การถอนตัวของเขาครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พรรคฝ่ายค้านสามารถโค่นประธานาธิบดีแอร์โดอันลงจากตำแหน่ง