นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางทองคำในสัปดาห์หน้ากับ Nation STORY ว่า ราคาทองคำช่วงเดือน ม.ค.- เม.ย. ปรับตัวขึ้น ประมาณ 240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 6,450 บาท
โดยราคาทองคำมีการแกว่งตัวตามความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และผัวผวนตอบรับสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลางตึงเครียดขึ้น และคลี่คลายลง
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
- นักลงทุนใน ตลาดอนุพันธ์ประเทศไทย หรือ TFEX ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงออกไปก่อนเนื่องจากตลาด TFEX จะหยุดทำใน วันจันทร์ ที่ 6 พ.ค. (วันฉัตรมงคล) ตลาด TFEX ปิดทำการ และ กลับมา เปิดทำการอีกครั้งในวันอังคาร ส่งผลให้จะเกิดความเสี่ยงเนื่องจากทองคำตลาดโลกยังเปิดทำการปกติ
- ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด โดยแนะนำติดตาม การประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน และ 6 เดือน ร่วมทั้ง การประมูลธนบัตรอายุ 3 ปี และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 30 ปีจากสมาคม MBA
- การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ที่ว่า BoE จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนส.ค. ทั้งนี้การประชุม เดือน มี.ค. BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่นี้ กรรมการ MPC จำนวน 8 รายลงมติให้ BoE คงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25% ในการประชุม ขณะที่อีก 1 รายมีมติให้ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00%
สำหรับแนวโน้มทิศทางราคาทองคำเป็น Sideway down เป็นผลมาจาค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น กดดันให้ราคาทองปรับตัวลง ตอบรับเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนพ.ค. นักลงทุนกังวลว่า เฟดยังไม่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือน ก.ย. หรือช้ากว่านั้น และมีโอกาสที่จะเหลือการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพียง 1 ครั้ง แนวโน้มดังกล่าว ยังคงสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน
หากราคาทดสอบแนวต้านที่ 2,320-2,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่สามารถยืนได้ อาจเกิดแรงขายกดให้ราคาปรับตัวลงช่วงสั้นอีกครั้ง แนะนำเปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาปรับ