จนถึงขณะนี้ มีกลุ่มคนต่างชาติไม่มากนักที่ได้รับการอพยพออกจากซูดาน โดยมีกว่า 150 คน ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ได้รับการอพยพทางทะเลไปยังท่าเรือเมืองเจดดาห์ของเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นคนของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ
ถือเป็นการอพยพคนไปยังเมืองเจดดาห์ครั้งแรก นับจากเหตุรุนแรงระเบิดขึ้นในกรุงคาร์ทูมของซูดานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพคู่อริเพื่อช่วงชิงอำนาจยังคงดำเนินต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดไฟดับ และตัดช่องทางที่จะนำส่งอาหารและน้ำให้แก่ประชาชน
รัฐบาลแคนาดาประกาศเตือนการเดินทาง โดยย้ำว่า สถานการณ์ความมั่นคงในซูดานอยู่ในภาวะผันผวนสูง จึงบอกให้ประชาชนหมั่นชาร์จแบตมือถือให้เต็มอยู่เสมอ ล็อกประตูหน้าต่าง และถ้าสถานการณ์ไม่ดี ก็ให้อพยพออกจากประเทศนี้เสีย แต่เนื่องจากสนามบินหลายแห่งและน่านฟ้าในซูดานถูกสั่งปิด การอพยพออกจากซูดานทางอากาศจึงเป็นไปไม่ได้เลย
ส่วนทางการอังกฤษกำลังพิจารณาหาทางอพยพเจ้าหน้าที่ออกมา มีการจัดตั้งสายด่วนสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน คนอังกฤษในซูดานถูกร้องขอให้แจ้งต่อสำนักต่างประเทศทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ว่า พวกเขาอยู่ที่ไหน ขณะที่การอพยพคนอังกฤษออกมา น่าจะถูกจำกัดอย่างมาก และพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่ทางการทูตก่อน
สถานการณ์ในซูดานยังไม่สู้ดีนัก แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง และดูท่ากองทัพสองฝ่ายที่เป็นคู่อริก็เห็นชอบด้วย แต่ท้ายสุด ข้อตกลงก็ล่มไม่เป็นท่า ซึ่งก็รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงนานสามวัน ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวอีดิลฟิตรี ของชาวมุสลิม ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์
องค์การอนามัยโลก คาดว่า มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 400 คนแล้วจากการสู้รบครั้งนี้ แต่เชื่อว่า ยอดผู้เสียชีวิตน่าจะสูงกว่านี้ เพราะมีหลายคนที่ไปไม่ถึงโรงพยาบาล และอีกหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ได้รับบาดเจ็บ ศูนย์การแพทย์ต้องรับมือกับผู้บาดเจ็บที่เข้ามารักษาอย่างท่วมท้น
สหประชาชาติเตือนว่า มีประชาชนสูงถึง 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง หนีออกจากซูดานไปหาที่ปลอดภัยในประเทศชาด