ท้องฟ้าในกรุงโซลของเกาหลีใต้เวลานี้ แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหม่น จากพายุทรายที่พัดจากจีนเข้ามาปกคลุม ประชาชนต่างสวมหน้ากากอนามัยและแจ็คเก็ตแบบมีหมวกคลุม ซึ่งแม้ว่า พายุทรายจะมาในช่วงนี้ของแทบทุกปี แต่ความรุนแรงไม่มีทีท่าจะลดลงเลย
ฝุ่นเหลืองที่เกิดจากพายุทราย เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเอเชียเหนือ เป็นพายุทรายที่พัดมาจากทะเลทรายโกบี เชื่อมต่อระหว่างจีนกับมองโกเลีย โดยอาศัยลมในช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นตัวพัดฝุ่นเข้ามายังคาบสมุทรเกาหลี แต่ในปีนี้ ลมพัดฝุ่นไปไกลถึงตะวันออกของญี่ปุ่น ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เพราะฝุ่น PM10 มีขนาดเล็กเพียงพอที่จะสูดเข้าไปในปอด
คนเกาหลีใต้จำนวนมากที่คาดหวังจะออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน ในช่วงหน้าร้อนอันแสนสดใส แต่กลับต้องเจออากาศที่สกปรกเช่นนี้ พวกเขาจึงผิดหวังไปตามๆ กัน บางคนก็ทำใจยอมรับสภาพได้ เพราะเกิดเป็นประจำทุกปี การออกกำลังกายกลางแจ้งต้องหลีกเลี่ยง
พายุทรายในภูมิภาคนี้ เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ นับจากช่วงทศวรรษที่ 1960 เนื่องจากอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น และความชื้นในทะเลทรายโกบีก็มีน้อยลง อย่างในปีนี้ ที่พายุทรายเริ่มพัดเข้ามาในหลายพื้นที่ของจีนตั้งแต่เดือนมีนาคม ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลือง แค่ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ก็เกิดพายุทรายอยู่ 4 รอบ ครั้งที่รุนแรงที่สุด ทำให้รถ จักรยาน และบ้านเรือน ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น
สถานการณ์ในจีนเลวร้ายถึงขั้นที่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งลืมปิดหน้าต่างในอพาร์ทเมนต์ ช่วงที่เกิดพายุทราย ส่งผลให้พายุทรายพัดเข้ามาในอพาร์ทเมนต์คิดเป็นน้ำหนักรวมกันถึง 3 กิโลกรัม จนต้องรีบเก็บกวาดเป็นการใหญ่ เหตุเกิดที่เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน
ส่วนสาวคนหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ก็บอกว่า แค่เธอวิ่งออกนอกบ้านไปเก็บกวาดกิ่งไม้ที่ร่วงใส่รถ เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยฝุ่น ดูคล้ายหุ่นดินเผาทหารเฝ้าสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี แม้กระทั่งตอนนอน ห้องนอนก็เต็มไปด้วยกลิ่นฝุ่น ตามปกติ เธอค่อนข้างชินกับพายุทรายเพราะเกิดทุกปี แต่ปีนี้ดูรุนแรงกว่าแต่ก่อน
พายุทรายที่เกิดเมื่อไม่กี่วันก่อน ยังทำให้ตึกสูงในย่านผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ แทบมองไม่เห็นในยามค่ำคืน ทั้งที่มีการประดับไฟอย่างตระการตา 12 มณฑลของจีนได้รับการแจ้งเตือนภัยพายุทราย บางคนเริ่มตั้งข้อสงสัย ทำไมรัฐบาลไม่ใช้ช่วงเวลาที่ทุกกิจกรรมเงียบงันในช่วงโควิดระบาดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จัดวางมาตรการรับมือผลกระทบจากพายุทรายซึ่งเกิดขึ้นทุกปี
พายุทรายที่เกิดในจีน คือฝุ่น PM10 ซึ่งในช่วงที่พายุทรายรุนแรงสุดเมื่อไม่นานมานี้ วัดระดับฝุ่น PM10 ในกรุงปักกิ่ง สูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ถึง 46.2 เท่า ส่วนที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ ระดับฝุ่น PM10 สูงกว่าที่ภาครัฐกำหนดไว้เท่าตัว ถ้าสูดดมเข้าไปมากๆ อาจเสี่ยงต่อสุขภาพทันที เพราะเส้นผ่าศูนย์กลางของอนุภาคฝุ่น มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์เสียอีก
ในขณะที่จีนกับเกาหลีใต้วุ่นกับการรับมือฝุ่นเหลืองจากพายุทราย ที่เมืองไทยก็กำลังจัดการปัญหามลพิษของตนเองเช่นกัน โดยเกิดจากไฟป่าและการเผาไร่อ้อย ก่อให้เกิดหมอกควันปกคลุมไปทั่วพื้นที่ภาคเหนือ จุดที่เลวร้ายสุดคือ จังหวัด เชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ส่งผลให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกไปแล้ว