ยอดดับพายุไซโคลน “เฟรดดี” พัดถล่มทะลุ 400 ราย

หมู่บ้าน Mtauchira ในเขต Chiradzulu ทางภาคใต้ของมาลาวี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากดินถล่มลงมาจากเนินเขาสู่หมู่บ้าน และจนถึงขณะนี้พบศพแล้ว 32 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 18 คน ขณะที่ชาวบ้านอีก 70 คนได้รับบาดเจ็บ  ผู้รอดชีวิตเล่าว่า หลายคนพยายามอพยพหนี แต่ถูกกระแสน้ำและดินโคลนพัดกลืนหายไปและบางคนเจอหินถล่มใส่ ทำให้บาดเจ็บสาหัส

มาลาวีเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดจากพายุไซโคลน “เฟรดดี” พัดถล่มเมื่อวันจันทร์ ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม และจำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 326 ราย โดยผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่อยู่ในเมืองแบลนไทร์ เมืองใหญ่อันดับ 2 และเสียชีวิตจากดินถล่มจากเนินเขา และกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่เข้าท่วมบ้านเรือนหลายพันหลัง และมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 90,000 คน พายุยังทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น เกิดไฟดับและขาดแคลนน้ำ ถนนและสะพานได้รับความเสียหายเป็นอุปสรรคต่อการค้นหากู้ภัย

ประธานาธิบดีลาซารัส ชัคเวรา ของมาลาวี ลงเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยเมื่อวันพุธ และประกาศให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศนาน 14 วันแก่ผู้เสียชีวิต 

ขณะที่โมซัมบิกเผชิญพายุ “เฟรดดี” พัดขึ้นฝั่งรอบ 2 ในวันอาทิตย์ เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังการขึ้นฝั่งรอบแรกช่วงปลายเดือน ก.พ. และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 ราย ส่วนมาดากัสการ์ ที่เผชิญพายุลูกนี้พัดปกคลุมตั้งแต่ปลายเดือนที่ล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย

พายุ “เฟรดดี” เริ่มก่อตัวนอกชายฝั่งออสเตรเลียเมื่อวันที่ 6 ก.พ. และเคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรอินเดียตอนใต้จากฝั่งตะวันออกไปทางตะวันตกเป็นระยะทางกว่า 8,000 กม. กว่าจะขึ้นฝั่งสร้างความเสียหายแก่มาดากัสการ์ โมซัมบิก และมาลาวี