หวอ วัน เถื่อง วัย 52 ปี สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อสมัชชาแห่งชาติในการประชุมวาระพิเศษในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) หลังได้รับเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่มีหน้าที่ด้านพิธีการเป็นส่วนใหญ่ โดยเขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อวันพุธ
หวอ วัน เถื่อง เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในกรมการเมือง หรือ โปลิตบุโร ของพรรคคอมมิวนิสต์ เขาเข้าสู่โปลิตบุโรในปี 2559 ก่อนเลื่อนขั้นเป็นสมาชิกถาวรในสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคในปี 2564 เขาเป็นที่รู้จักกว้างขวางว่า เป็นคนใกล้ชิดของ เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุด และเขายังเป็นพันธมิตรกับ เวือง ดิ่ญ เว้ ประธานสมัชชาแห่งชาติด้วย
เขาก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี หลังประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก ลาออกอย่างกะทันหันเมื่อเดือน ม.ค. เพื่อรับผิดชอบกรณีมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบันพัวพันการทุจริต
เหวียน ฝู จ่อง ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ปี 2554 ดำเนินมาตรการกวาดล้างการคอร์รัปชั่นในวงกว้าง ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายร้อยคนถูกตรวจสอบ และหลายคนต้องลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง รองนายกรัฐมนตรีสองคน ที่ลาออกในต้นปีนี้ แต่ก็ถูกมองด้วยว่า เขาใช้การปราบปรามดังกล่าวเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองภายในพรรค
และการที่หวอ วัน เถื่อง ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ก็จะทำให้อำนาจของเหวียน ฝู จ่อง มั่นคงมากยิ่งขึ้น ในเวียดนามไม่มีตำแหน่งผู้นำสูงสุด แต่มี 4 เสาหลักของอำนาจ ได้แก่ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานสมัชชาแห่งชาติ
นักการทูต มองว่า การที่พรรคคอมมิวนิสต์เลือกหวอ วัน เถื่อง เป็นความพยายามผลักดันผู้นำรุ่นใหม่ และเตรียมพร้อมหากเหวียน ฝู่ จ่อง วัย 78 ปี ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ก่อนวาระสมัยที่ 3 จะสิ้นสุดในปี 2569 โดยเหวียน ฝู่ จ่อง อยากมั่นใจว่า มีทายาททางการเมืองที่ยอมรับได้อยู่ในอำนาจ