มวยคู่หยุดโลก “บัวขาว” ปะทะ “เยฟิเมนโก้” ซัดเต็มที่ครบ 3 ยก กินกันไม่ลง
การชกไฟต์สุดท้ายประจำปี 2565 ของยอดนักชกไทย “บัวขาว บัญชาเมฆ” กับคู่ต่อสู้หนุ่มสุดห้าวจากยูเครน “โอเล็กซานเดอร์ เยฟิเมนโก้” มาถึงไคลแมกซ์ เมื่อทั้งคู่ก้าวขึ้นเวทีราชดำเนิน เผชิญหน้ากันตามกติกาคิกบ็อกซิ่งแบบไม่มีใครกลัวใคร
โดยคู่ต่อสู้ “เยฟิเมนโก้” พยายามใช้ความสด ความห้าว บุกตะลุยหวังจัดการบัวขาว ขณะที่บัวขาวแม้จะเสียเปรียบช่วงชกและอายุที่มากกว่าถึง 20 ปี แต่ก็ยังคงความเก๋า ใช้จังหวะลีลาคอยดักใส่อาวุธสวนเข้าใส่เยฟิเมนโก้เป็นระยะ
ครบ 3 ยก ไม่มีฝ่ายใดสามารถน็อคอีกฝ่ายได้ จบกันไปแบบไม่มีการตัดสิน ตามกติกาการชกแบบสาธิต สร้างความสนุกสนานให้กับแฟนมวย ทั้งที่เข้ามาชมในเวทีราชดำเนิน และที่รับชมจากทางบ้าน สมดังที่ผู้บริหาร "บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด" หรือ "GSV" บอกเอาไว้ว่า ไฟต์นี้จะเป็นไฟต์ที่สนุกที่สุดของบัวขาว เพราะได้คู่ชกที่เป็นมวยดาวรุ่ง
“บัวขาว" กล่าวหลังจบการชกว่า ไฟต์นี้เป็นบทพิสูจน์สิ่งที่ตนเคยกล่าวไว้ว่า ต้องไม่ประมาทในการแข่งขัน การฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ และอยากจะเตือนนักสู้ชาวไทยทุกคนว่า การฝึกซ้อมเพื่อขึ้นเวทีสำคัญมาก ขณะที่ “เยฟิเมนโก้” บอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ขึ้นเวทีราชดำเนินในวันนี้
“เยฟิเมนโก้” ฉายา “ฉลามขาว” จากยูเครนเป็นมวยดาวรุ่งสายโหดที่เอาชนะคู่แข่งมาแล้วมากมาย รวมถึงคู่ปรับเก่าของบัวขาวอย่าง “อังเดร คูเลบิน” ชาวเบลารุส เขาจึงเป็นคู่แข่งที่เข้มแข็งคนหนึ่งที่ “บัวขาว” ถึงกับแกล้งออกปากถามโปรโมเตอร์ว่า ขอเปลี่ยนคู่ชกได้หรือไม่
สำหรับการแข่งขันนี้จัดในรูปแบบกีฬาสาธิต Exhibition Match มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดกีฬามวยไทย ร่วมกับศิลปะการต่อสู้อื่นอย่างกีฬาคิกบ็อกซิ่งที่มีพื้นฐานมาจากมวยไทย สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาและประชาชนทั่วไป เพื่อเพิ่มจำนวนและต่อยอดช่องทางอาชีพให้กับนักกีฬามากขึ้น
รวมทั้งสามารถขยายฐานคนดูให้แพร่หลายในทุกกลุ่ม ผลักดันมวยไทยให้เป็น Soft Power ผ่านมาตรฐานและรูปแบบการจัดรายการชกที่มีความทันสมัย อันจะส่งผลให้เวทีมวยราชดำเนินก้าวสู่ Sport Entertainment ระดับโลกต่อไป
