
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า ราคาทองคำในช่วง 1 พ.ย.-17 พ.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำถูกขายทำกำไรออกมา ความเสี่ยงจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ไม่ได้ขยายวงบ้างลุกลามออกไป
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้แรงหนุนจากนักลงทุนคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.66 -มี.ค. 67 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. 67
ราคาทองได้ปัจจัยบวกจาก
- ตัวเลขตลาดแรงงาน ที่อ่อนแอบ่งชี้คนว่างงานสูงขึ้น ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นสู่ 231,000 ราย นับเป็นระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน ปัจจัยดังกล่าวหนุนคาดการณ์เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย
- การพบปะระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน โดยนายไบเดนระบุว่า การหารือกันายสี จิ้นผิงนั้น "ตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์" พร้อมกล่าวว่า ได้เน้นย้ำกับจีนว่า "สหรัฐไม่ได้แสวงหาความขัดแย้ง" สร้างความหวังว่า สงครามทางการค้าในอดีตอาจมีทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำไม่ได้ตอบรับต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากยังคงไม่มีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมในการผ่อนคลาย หรือ ส่งสัญญาณยุติการทำสงครามทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ในวันจันทร์ที่ 20 ก.ย.นี้ หลังจาก PBOC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันพุธ (15 พ.ย.)
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ เปิดเผยรายการประชุมครั้งที่ผ่านมา หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ในการประชุมที่จะมาถึง เฟดจะตัดสินใจอย่างระมัดระวังว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ หรือจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง
ทั้งนี้ เฟดจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง โดยการประเมินข้อมูลที่เฟดได้รับ รวมทั้งแนวโน้มและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ปริมาณการซื้อเบาบางในฝั่งสหรัฐอาจเบาบางในวันพฤหัสบดี เนื่องจาก ตลาดเงิน-ตลาดทุนจะปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
- การประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 26 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี 67
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำสัปดาห์หน้า ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway โดยกลยุทธ์การลงทุน หลังจากราคาปรับตัวขึ้น ราคาแกว่งตัวทรงตัวรักษาระดับไว้ และเมื่อราคาอ่อนตัวลงยังคงเห็นแรงซื้อพยุงราคาไว้ แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะซื้อทำกำไรระยะสั้น เมื่อราคาปรับตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,966-1,949 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,949 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านต้านบริเวณ 1,933-2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,993 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวต้านสุดท้ายที่ 2,027 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีแนวรับแรกที่ 1,966 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 1,949 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวรับสุดท้ายที่ 1,930 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์