น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ Nation Online ว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
โดยตลาดติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ซึ่งตลาดให้ความสนใจกับท่าทีการสื่อสารของประธานเฟด เพื่อประเมินว่าการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้นั้นจะเป็นรอบสุดท้ายหรือไม่
นอกจากนี้คาดว่าธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 27 ก.ค. ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเช่นกันว่าจะมีการปนับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนหรือไม่
ส่วนการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคในช่วง 1 ก.ค.-21 ก.ค. พบว่าบาท-ไทยแข็งค่ามากสุด 3.37% รองลงมาเป็นวอน-เกาหลีใต้ 2.68% ริงกิต-มาเลเซีย 2.50% ดอลลาร์-สิงค โปร์ 1.97% หยวน-จีน 1.19% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 1.15% รูปี-อินเดีย 0.03% ยกเว้นดอง-เวียดนามอ่อนค่า 0.31% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.30% และรูเปียห์-อินโดนีเซียอ่อน 0.21%
อย่างไรก็ตาม เดือนนี้ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 7.9 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 2 หมื่นล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่เงินบาทแข็งค่านำสกุลเงินในภูมิภาคเป็นผลมาจาก
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ Nation Online ว่า สัปดาห์หน้า การเมืองอาจจะไม่ได้มีผลกับทิศทางค่าเงินบาท มากเท่ากับปัจจัยสำคัญ อย่างแนวโน้มนโนบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟด และธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดค่าเงินได้พอสมควร
นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มประกาศเยอะขึ้น ก็อาจทำให้บรรยากาศในการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปได้ โดยถ้ารายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ก็จะกดดันให้ตลาดพลิกกลับอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
ส่วนในประเด็นการเมืองในประเทศมองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลก่อนที่จะปรับสถานะการลงทุนในสินทรัพย์ไทยที่ชัดเจน และในช่วงนี้หากสถานการณ์การเมืองยังมีความไม่แน่นอนอยู่ นักลงทุนต่างชาติอาจหาจังหวะทยอยขายทำกำไรการลงทุนในสินทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมาได้
ทั้งนี้ประเมินว่า หากเงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ก็อาจติดอยู่ในโซนแนวต้านแถว 34.50-34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปได้ เนื่องจาก บรรดาผู้เล่นต่างชาติเริ่มกลับมามีมุมมองเชิงบวกต่อค่าเงินบาท (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) สะท้อนผ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ต่างชาติที่เริ่มแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเปิดสถานะ Long THB
ขณะเดียวกันบรรดาผู้ส่งออกก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงโซน 35 บาทต่อดอลลาร์ เช่นกัน ขณะที่แนวรับเงินบาทเรายังคงมองแถวโซน 33.75-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นโซนแนวรับหลัก ที่ค่าเงินบาทจะยังไม่สามารถแข็งค่าผ่านไปได้ จนกว่าจะเห็นการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น