svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เปิดวิสัยทัศน์ ‘วิทัย รัตนากร’ ยันพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

เปิดวิสัยทัศน์ผู้ว่า ธปท. ‘วิทัย รัตนากร’ พร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน คาดเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ พร้อมจับตาเงินฝืด ตั้ง AMC แก้หนี้เสียรายย่อยต่ำแสน คาดช่วยได้ 2 ล้านบัญชี

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พูดคุยกับสื่อมวลชนครั้งแรกหลังรับตำแหน่งเกี่ยวกับแนวทางการทำงานของ ธปท. และทิศทางนโยบายสำคัญในระยะต่อไป ระบุว่า แนวทางการทำงานของ ธปท. สานต่อพันธกิจหลักของธนาคารกลาง คือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว เสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะดูแลให้เงินเฟ้อระยะปานกลางอยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน (low and stable) รวมถึงไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด และให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลาง เสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินเข้มแข็ง มีความมั่นคง สามารถให้บริการลูกหนี้ ประชาชนและธุรกิจได้ต่อเนื่อง และดูแลไม่ให้เกิดจุดเปราะบางในระบบการเงินที่อาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตในอนาคต เสถียรภาพระบบการชำระเงิน ดูแลให้ระบบมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ธุรกิจ และภาครัฐ ทั้งด้านความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

ธปท. จะดำเนินนโยบายด้วยความเป็นอิสระภายใต้กรอบกฎหมาย โดยมีหลายเรื่องที่ต้องทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น เพื่อผลักดันนโยบาย ตลอดจนจะเน้นประสานนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง (policy coordination) เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งเอื้อให้เกิดการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่จับต้องได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศ 

เปิดวิสัยทัศน์ ‘วิทัย รัตนากร’ ยันพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ทิศทางนโยบายสำคัญของ ธปท. (policy priorities) ในระยะต่อไป ประกอบด้วย

1)    การสานต่อแนวนโยบายการพัฒนาภาคการเงิน โดยเฉพาะการวางรากฐานให้ภาคการเงินพร้อมรองรับกับกระแสโลกใหม่ทั้งด้านดิจิทัลและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (financial landscape) เช่น โครงการ Your Data การพัฒนาระบบ digital payment ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ยืดหยุ่น และสนับสนุนให้ภาคเศรษฐกิจจริงเข้าถึงบริการทางการเงินครอบคลุมขึ้น รวมถึงการจัดตั้ง Virtual Bank 

2)    การทำงานของ ธปท. จะใกล้ชิดกับประชาชนและสังคมมากขึ้น ผ่านการรับฟังมุมมองหรือข้อเรียกร้องจากสังคมให้รอบด้าน เพื่อประกอบการตัดสินนโยบาย และสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ตลอดจนจะมีแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การแก้หนี้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การเพิ่มโอกาสให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ผ่านกลไกค้ำประกันเครดิตที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นขึ้น รวมทั้งกลไกกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สมดุลกับความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing: RBP) ตลอดจนการทบทวนค่าธรรมเนียมของบริการทางการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมขึ้น (fair pricing)
 

เปิดวิสัยทัศน์ ‘วิทัย รัตนากร’ ยันพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ผู้ว่าฯ ธปท. ย้ำว่า นอกจากนี้ ต้องมีความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งหมายถึงการตัดสินใจทางนโยบายอย่างมืออาชีพ ไม่ถูกกดดันทางการเมือง พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้สมดุลและเติบโตในระดับศักยภาพ
 
สำหรับ ประชาชน ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ทุกนโยบายและมาตรการต้องสะท้อนผลลัพธ์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม หากธปท.รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้แต่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง ดังนั้นมาตรการเฉพาะจุดจะออกมามากขึ้น เช่น การแก้ปัญหาหนี้รายย่อยผ่าน โครงการ AMC ซึ่งร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงิน เพื่อโอนหนี้รายย่อยวงเงินต่ำกว่า 100,000 บาทเข้ามาบริหาร คาดช่วยคนได้กว่า 2 ล้านบัญชี โดยอาจเริ่มต้นจากลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ประมาณ 700,000 บัญชี และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐประมาณ 800,000 บัญชี

สำหรับนโยบายการเงิน ดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และยังมี policy space เหลือสำหรับใช้ในอนาคต การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในระยะต่อไปจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ แต่มองว่า นโยบายการเงินในระยะข้างหน้าต้องอยู่ในระดังผ่อนคลายต่อไป 

เปิดวิสัยทัศน์ ‘วิทัย รัตนากร’ ยันพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

สำหรับปีนี้เงินเฟ้อพื้นฐานคาดอยู่ที่ 0.9% ใกล้กรอบล่างของเป้าหมาย ส่วนสาเหตุที่เงินเฟ้อต่ำ มาจากราคาพลังงานและอาหารที่ลดลง แต่ธปท.ยังติดตามใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินฝืด ส่วนค่าเงินบาท แม้จะยังแข็งค่า แต่ปรับลดลงแล้ว 4.5% ตั้งแต่ต้นปี ปัจจัยหลักมาจากดอลลาร์ และธปท.ติดตามความเคลื่อนไหวของ “ทุนเทา” หรือเงินปริศนาที่เข้ามา พร้อมสกัดไม่ให้ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังติดตามการซื้อขาย ทองคำผ่านแอปฯ ซึ่งอาจมีผลทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ซึ่งธปท.กำลังหารือกับกระทรวงการคลังและร้านทองเพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบ

เปิดวิสัยทัศน์ ‘วิทัย รัตนากร’ ยันพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

สำหรับแนวคิดตั้ง กองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ วิทัยมองว่า ไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะเงินสำรองหลักเป็นดอลลาร์ การโยกเงินไปกองทุนใหม่จะไม่สร้างผลกระทบต่อค่าเงินบาท

นอกจากนี้ ธปท.ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องสำหรับโครงการเดิม เช่น Virtual Bank เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ และแนวคิด Risk-Based Pricing การคิดดอกเบี้ยตามระดับความเสี่ยง จะช่วยให้ผู้กู้ที่มีเครดิตดีเข้าถึงสินเชื่อในอัตราที่เหมาะสม