svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

'พิชัย' นำทีมไทยแลนด์บุกสหรัฐฯ เจรจาภาษีขอลดเหลือ 10%

รมว.คลัง นำทีมไทยแลนด์บุกสหรัฐสัปดาห์นี้ ยื่นขอลดภาษีเหลือ 10% ลุ้นขยายเวลาผ่อนผันจัดเก็บภาษีอัตราใหม่ ยันจ้างล็อบบี้ยิสต์ คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สหรัฐได้ตอบรับการเจรจาภาษีศุลกากร (Reciprocal Tariff) กับไทยแล้วในสัปดาห์นี้ โดยเตรียมแผนเดินทางไปสหรัฐในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา

ที่ผ่านมาการเจรจากับสหรัฐนั้นมีความซับซ้อน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝ่ายสหรัฐมีการมอบหมายหัวหน้าเจรจาหลายหน่วยงาน หลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (U.S. Department of Commerce) สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังสหรัฐ (Secretary of the Treasury)

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมรับมือกับทุกแนวทางที่สหรัฐจะดำเนินการ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องมีการทำงานประสานกันแบบคู่ขนานระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)และกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ เพื่อให้การเจรจาครอบคลุมในทุกระดับ และไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาระดับนโยบาย ต้องทำหน้าที่กำกับทิศทางการเจรจาให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ส่วนกรณีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือล็อบบี้ยิสต์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาประเด็นภาษีตอบโต้กับสหรัฐ นายพิชัย เปิดเผยว่า เรื่องนี้ดำเนินการตามความจำเป็น ความโปร่งใส และความคุ้มค่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้า และการส่งออกของประเทศไทย

สำหรับประเด็นอัตราค่าจ้างที่ปรึกษาหรือล็อบบี้ยิสต์ นายพิชัย ยอมรับว่า ประเทศได้มีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ เพื่อให้ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ โดยปกติอัตราการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 20,000-300,000 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับการให้บริการทั่วไป การดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในโลกยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจเชิงเทคนิค ความละเอียดรอบคอบ และความกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ในสถานการณ์พิเศษเกี่ยวกับ “Reciprocal Tariff” บริษัทที่ปรึกษาที่มีความสามารถเฉพาะทางสูง และมีความสัมพันธ์เชิงนโยบายกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐสามารถเรียกราคาสูงขึ้นกว่าปกติได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนแข่งขันกับประเทศอื่น และเกี่ยวพันกับมูลค่าการค้า และการส่งออกของไทยนับแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยขอยืนยันความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะอเมริกามีกฎหมายการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมาย FARA (Foreign Agents Registration Act)ซึ่งกำหนดให้สัญญาว่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศทั้งหมดจะต้องมีการเปิดเผยรายละเอียดบนเว็บไซต์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (U.S. Department of Justice) อย่างชัดเจน

การเดินทางไปสหรัฐของนายพิชัย ในฐานะหัวหน้าผู้แทนคณะเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐมีกำหนดที่จะหารือกับ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีนัดหมายกับหน่วยงานสำคัญของสหรัฐด้วย

สำหรับเบื้องหลังการที่สหรัฐตอบรับการเจรจาภาษีจากไทยนั้นมาจากการที่คณะทำงานด้านการเจรจาภาษีระหว่างไทย และสหรัฐที่เป็นคณะทำงานเชิงเทคนิคได้มีการหารือกับผ่านช่องทางออนไลน์มาต่อเนื่องโดยไทยนั้นเป็นคณะทำงานที่นำโดย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เจรจาเบื้องต้นกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) รวมทั้งไทยได้มีการเสนอข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับสหรัฐพิจารณาแล้ว รวมทั้งได้มีการประสานงานผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่รัฐบาลได้มีการว่าจ้างด้วยซึ่งทำให้สามารถนัดหมายกำหนดการเจรจาได้ทันก่อนเส้นตายวันที่ 7 ก.ค.2568

ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ส่งเอกสารข้อเสนอเบื้องต้นมาให้ประเทศไทย โดยมีทั้งเงื่อนไขของการเก็บภาษี ซึ่งเบื้องต้นจะเก็บเพิ่มจากที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 10% เพิ่มเป็น 18% นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนไขอื่นที่ไม่ใช่เรื่องภาษีอีกหลายเรื่อง ซึ่งแม้ว่าในข้อเสนอนี้ประเทศไทยจะได้เงื่อนไขทางภาษีลดลงจาก 36% เหลือ 18% แต่คณะทำงานเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐของไทยได้ยื่นขอเจรจาเพิ่มเติมเพื่อขอลดอัตราภาษีลงมาตามเป้าหมายที่ต้องการให้ลดเหลือ 10% เท่ากับระดับเดียวกับประเทศอื่นๆที่ถูกเรียกเก็บภาษีในระดับทั่วไป

ทั้งนี้ ในส่วนระยะเวลาการเจรจาภาษีกับสหรัฐ ที่จะครบกำหนดภายในวันที่ 7 ก.ค.2568 นั้น แหล่งข่าว ระบุว่า มีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับการขยายระยะเวลาในการเจรจาออกไปจากเส้นตายเดิม เนื่องจากข้อเสนอของประเทศไทยมีความน่าสนใจพอที่สหรัฐจะคุยในรายละเอียดของข้อเสนอต่างๆ ต่อไป