นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจับสลาก เพื่อหาผู้ได้รับสิทธิ “บ้านเพื่อคนไทย” ระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด โดยระบุว่า ภายหลังโครงการบ้านเพื่อคนไทยได้ปิดลงทะเบียน ระยะที่ 1 ไปเมื่อ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 260,000 คน และในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจากธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้วกว่า 130,000 คน
โดยเนื่องจากมีจำนวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมากกว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในระยะที่ 1 ซึ่งกำหนดไว้ราว 5,000 ยูนิต ส่งผลให้กระทรวงฯ ต้องกำหนดรูปแบบการจับสลากสิทธิ และได้ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อกำหนดรูปแบบที่เหมาะสม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งจะช่วยให้โครงการบรรลุเป้าหมายในการเป็นโครงการที่สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
สำหรับขั้นตอนดำเนินการหลังจากนี้ กระทรวงฯ เตรียมเปิดประมูลคัดเลือกที่ปรึกษาดำเนินการสำรวจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ภายในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ต.ค.2568 เพื่ออนุมัติโครงการ และเริ่มกระบวนการเปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมาทันที จึงคาดว่าภายในปีนี้จะเริ่มก่อสร้าง คาดมูลค่าก่อสร้างราว 6 - 7 พันล้านบาท โดยยังคงเป้าหมายทยอยสร้างแล้วเสร็จเพื่อเริ่มส่งมอบให้ผู้อยู่อาศัยในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป
ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนขออนุมัติ EIA หากแล้วเสร็จก็จะเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติโครงการ และเริ่มกระบวนการก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการจับสลากสิทธิประชาชนเข้าอยู่อาศัย อีกทั้งในช่วงเดือน ต.ค.นี้ ทันทีที่ได้รับการอนุมัติโครงการระยะที่ 1 แล้ว กระทรวงฯ ก็จะดำเนินการประกาศพื้นที่ก่อสร้างระยะที่ 2 เพื่อให้ประชาชนสามารถจองสิทธิเข้ามาได้ทันที
ทั้งนี้ โครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะที่ 1 จะมีการจับสลากสิทธิประชาชนเข้าอยู่อาศัยประมาณ 5 พันยูนิต ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างปีนี้ และทยอยส่งมอบเพื่อเข้าอยู่ในปี 2569 ขณะเดียวกันจะเดินหน้าโครงการระยะที่ 2 รวมจำนวนเพิ่มเติมประมาณ 1.2 หมื่นยูนิต โดยประชาชนที่ลงทะเบียนแสดงเจตจำนงไว้ หากไม่ได้รับสิทธิในระยะที่ 1 ก็จะมีสิทธิเข้าร่วมในระยะอื่นต่อไป โดยเฉพาะพื้นที่ โครงการ กม.11 ซึ่งมีจำนวนกว่า 10,000 ยูนิต จะยังคงมีอยู่ในทุกรอบการจับสลาก
สำหรับโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” โดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาดำเนินโครงการ ซึ่งจะมีโครงการหรือพื้นที่ดำเนินการที่มีศักยภาพที่สุด 25 พื้นที่ ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนำร่อง (2568-2569) มีจำนวน 4 พื้นที่ คือ พื้นที่โครงการบางซื่อ กม.11(วิภาวดี),พื้นที่ในจ.เชียงใหม่,พื้นที่โครงการเชียงราก(ปทุมธานี), พื้นที่ธนบุรี
สำหรับคุณสมบัติผู้ซื้อสิทธิโครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นผู้มีสัญชาติไทยเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียนเป็นผู้ที่มีรายได้ ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อเดือนต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภทต้องไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
ทั้งนี่้มีเงื่อนไขในการซื้อสิทธิโครงการบ้านเพื่อคนไทย คือ ผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น แต่หากการพิจารณาให้สิทธิในโครงการใดเสร็จสิ้นไปแล้วและไม่ได้สิทธิ สามารถใช้สิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งในจังหวัดเดิมได้ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิห้ามนำอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ หรือทำนิติกรรมในลักษณะที่เป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ประโยชน์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ เป็นต้น