svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Business thai

กรมสรรพสามิตศึกษาการเก็บภาษีปล่อยคาร์บอน

ปัจจุบันไทยปล่อยคาร์บอนถึง 372 ล้านตันคาร์บอน แบ่งเป็น กลุ่มพลังงานและขนส่งรวม 70% ซึ่งใน 70% นี้ เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิต

อธิบดีกรมสรรพสามิต เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กล่าวในหัวข้อ New Excise Tax to move Thailand to low carbon economy ในงานสัมมนา “SUSTAINABILITY FORUM 2024” จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า กรมสรรพสามิตได้ปรับบทบาทและประกาศตัวเองว่าเป็นหน่วยราชการแรกที่ให้ความสำคัญด้าน ESG โดยจัดเก็บภาษีบาป เหล้า บุหรี่ และจะมุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลควบคู่ด้วย ในเวทีนี้ขอพูดเรื่องที่สำคัญ คือ ด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทุกคนต้องปรับและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพราะไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กรมสรรพสามิตศึกษาการเก็บภาษีปล่อยคาร์บอน

ทั้งนี้ พันธสัญญาในเวทีโลกของไทยต่อการแก้ไขปัญหาโลกร้อน คือ ภายในปี 2065 การปล่อยก๊าซคาร์บอนต้องเป็นศูนย์ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ด้วยแรงกดดันจากหลายประเทศทั่วโลกจะทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจในไทยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตซัพพลายเชนจากต่างประเทศจะได้รับแรงกดดันที่ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไม่เช่นนั้นจะได้รับแรงกดดันด้านกำแพงภาษี ซึ่งยุโรปและสหรัฐได้ออกกติกาทางภาษีมาแล้ว

ส่วนกรมสรรพสามิตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนหลายรายการ ดังนั้น ต้องปรับโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับทิศทางที่ดูแลสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยปล่อยคาร์บอนถึง 372 ล้านตันคาร์บอน แบ่งเป็น กลุ่มพลังงานและขนส่งรวม 70% ซึ่งใน 70% นี้ เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิต

กรมสรรพสามิตศึกษาการเก็บภาษีปล่อยคาร์บอน

กรมฯ จึงได้ศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีสินค้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยนำมาตรฐานโลกมาเป็นแนวทาง คือ 1.จัดเก็บระดับคอร์ปอเรต 2.จัดเก็บระดับโปรดักต์ ซึ่งในอำนาจของกรมสรรพสามิตนั้น สามารถจัดเก็บได้เลยจากโปรดักต์ และเห็นว่า การจัดเก็บภาษีสินค้าตั้งแต่ระดับต้นน้ำ เช่น น้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่ส่งต่อไปยังสินค้ากลางน้ำและปลายน้ำ จะเป็นการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยกรมฯ ต้องคำนึงการออกแบบการจัดเก็บภาษี เมื่อจัดเก็บแล้วต้องหักลบกับการจัดเก็บภาษีของต่างชาติได้ และจัดเก็บแล้วต้องมีความเป็นธรรมและต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ แต่ต้องคำนึงถึงต้นทุนประชาชนด้วย

 

ทั้งนี้ ผลศึกษาพบว่าประเทศที่จะช่วยโลกร้อนหรือช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องใช้กลไกภาคบังคับ เพื่อผลที่มีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนเชิงพฤติกรรม

 

รวมทั้ง กรมสรรพสามิตได้ศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนว่า ในอนาคตรถยนต์ใดที่ปล่อยคาร์บอนสูงจะถูกเก็บภาษีในอัตราสูง ดังนี้

กรมสรรพสามิตศึกษาการเก็บภาษีปล่อยคาร์บอน

1.รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนมากกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 35% ในปี 2569 และ 38% ในปี 2573

2.รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอน 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษี 30% ในปี 2569 และ 33% ในปี 2573

3.รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอน 121-150 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษี 25% ในปี 2569 และ 29% ในปี 2573

4.รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอน 101-120 กรัมต่อกิโลเมตร จะเก็บภาษีในอัตรา 22% ในปี 2569 และ 26% ในปี 2573

5.รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเก็บภาษีในอัตรา 13% ในปี 2569 และ 15% ในปี 2573