svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Business thai

"ดีเอสไอ"เร่งสอบปมบิ๊ก ปตท. ส่อทุจริตฮั้วราคาน้ำมัน

"ดีเอสไอ" เตรียมเร่งหาข้อเท็จจริง หลังกรณีมีผู้ถือหุ้นร้องสอบผู้บริหารระดับสูง "PTTOR - GGC" ส่อทุจริตฮั้วราคาน้ำมัน

22 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่ "นายสยามราช ผ่องสกุล" ผู้ถือหุ้นของ ปตท. , GGC ได้ทำหนังสือถึง ประธานบอร์ด ปตท. และประธานบอร์ด PTTOR ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบและขอให้ความสะดวกและให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) , ก.ล.ต. รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสืบสวน ในการสอบสวนผู้กระทำผิด ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน ห้ามเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในเรื่องที่ถูกกล่าวหา

พร้อมทั้งดำเนินคดีกับ ผู้บริหาร PTTOR และ GGC ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 , พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ เรื่องส่อไปในทางทุจริตของบริษัทในเครือปตท. อาจมีมูลความผิดตามคำร้องของผู้เสียหาย ซึ่งได้มีการส่งหนังสือไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา

ขณะที่ "พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ" รองอธิบดี ดีเอสไอ ได้เดินทางเข้าพบ "นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น

กรณีผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท ปตท. ถูกกล่าวหาว่า มีการครอบงำบริษัท มีการฮั้วราคาหรือสมยอมราคา ทำให้ราคาผิดไปจากสภาพปกติ และอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดผู้หนึ่งโดยมีการกล่าวหาแยกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติการณ์เข้าลักษณะฟอกเงิน โดยขณะนี้ทางดีเอสไอ ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวน เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้น ว่าเข้าลักษณะที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่  

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า หลังมีการสืบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว พบว่ามีมูลและอาจเข้าข่ายผิดปกติ แต่เจ้าหน้าที่ของ ปตท. รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่ให้ความร่วมมือในการให้ถ้อยคำ และปกปิดการส่งมอบเอกสารสำคัญ ทำให้ พ.ต.ต.ยุทธนา จึงขอเข้าพบนายอรรถพล เพื่อขอความร่วมมือ และขอเอกสารเบื้องต้น โดยได้ให้ความร่วมมืออย่างดี 

สำหรับประเด็นสำคัญ เรื่องการแทรกแซงครอบงำองค์กร และเข้าข่ายการฮั้วหรือสมยอมราคากัน พบว่าประมาณวันที่ 14 มี.ค. 2566 มีผู้บริหาร PTTOR คนหนึ่งได้สั่งการข้ามบริษัท ถึงผู้บริหารของบริษัท GGC ที่มีอำนาจกำหนดราคาน้ำมัน B100 โดยสั่งการให้บริษัท GGC ทำหนังสือถึง บริษัท PTTOR ว่าบริษัท GGC ยินยอมลดราคาน้ำมัน B100 ให้กับบริษัท PTTOR ในอัตราลิตรละ 3 บาท

ทั้งนี้ เพื่อบังคับให้บริษัท GGC ขายน้ำมัน B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน และไปกดดันผู้ค้ารายอื่นของบริษัท PTTOR ยินยอมขาย B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน ทำให้บริษัท PTTOR ได้กำไรจากส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายผู้บริหารบริษัท GGC และ PTTOR ร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการในการโอนกำไร-ขาดทุนระหว่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองบริษัทของกลุ่ม ปตท. หรือเรียกว่า "Transfer Pricing" ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์อย่างร้ายแรง โดยมีโทษทางอาญาและทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย โดยเฉพาะบริษัท GGC ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ขณะเดียวกัน ยังมีการนำหนังสือของบริษัท GGC ที่ลดราคาน้ำมัน B100 ไปกดดันบีบบังคับคู่ค้าของบริษัท PTT.OR หลายบริษัท ให้ลดราคาน้ำมัน B100 ให้ใกล้เคียง GGC โดยให้คำมั่นว่า จะไม่ลดปริมาณโควต้าในการรับซื้อน้ำมัน B100 ในแต่ละรายซึ่งยังคงเดิม แต่หากไม่ลดราคาจะพิจารณาลดโควต้า ทำให้บริษัทผู้ผลิตไบโอดีเซลเกิดความกลัวจึงจำยอม ลดราคาให้ สุดท้ายแล้วมีการลดปริมาณหรือมีการจำกัดโควต้าของคู่ค้าด้วย และไปเพิ่มโควตาให้กับบริษัท GGC ในไตรมาสที่ 2 จำนวน 12 ล้านลิตร

นอกจากนี้ เพื่อตอบแทนในการออกหนังสือ เพื่อใช้ในการต่อรองให้กับ GGC สร้างความไม่พอใจ ให้กับสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้ผลิตไบโอดีเซลมากกว่า 10 บริษัท เป็นอย่างมาก โดยการดำเนินการดังกล่าว ทำให้บริษัทผู้ผลิตไบโอดีเซลต้องขาดทุนทันที จากการขายน้ำมัน B100 ในการลดราคาให้ลิตรละ 3 บาท ของบริษัท GGC 

สำหรับในการสืบสวนของดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามหาหลักฐานต่างๆ ตามข้อกล่าวหาว่า มีการจงใจปล่อยให้มีการขายขาดทุน การยินยอมให้คนอื่นหรือองค์กรอื่นมาสั่งการข้ามหัว มีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่าง บริษัท GGC และ บริษัท PTTOR หรือไม่ มีการดำเนินการผิดกฎหมายในเรื่องการ Transfer Pricing ระหว่างบริษัท GGC และ PTTOR หรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดกับหลักธรรมาภิบาล และถือว่าเป็นการสมยอมหรือฮั้วราคากันหรือไม่ต่อไปโดยเร็ว