svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ครม. ไฟเขียว! เว้นเก็บภาษีน้ำมันดีเซล-น้ำมันเตาใช้ผลิตไฟฟ้า อีก 6 เดือน

07 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ครม. ไฟเขียว ขยายเว้นเก็บภาษี น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่นำไปผลิตกระแสไฟฟ้าต่ออีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 ถึง 15 กันยายน 2566 ส่งผลให้กรมสรรพสามิตเสียรายได้รวม 8,050 ล้านบาท

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 มีมติเห็นชอบ ขยายเวลาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอัตราศูนย์ สำหรับน้ำมันดีเซล (บี0) และน้ำมันเตาที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 ถึง 15 กันยายน 2566 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ เรื่องค่าไฟฟ้า ในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ราคาเชื้อเพลิงต่าง ๆ ในตลาดโลกยังคงผันผวน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเว้นก็บภาษีดังกล่าวเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565  ด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่ยุติ ทำให้สถานการณ์ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มีแนวโน้มที่ยังคงมีความผันผวน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต

รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมในประเทศเพิ่งฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางภาษีต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งยังต้องมีการใช้และสำรองน้ำมันดีเซล (บี0) และน้ำมันเตาในการผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงเตรียมรับมือกรณีสถานการณ์ราคา LNG ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ

รวมถึงเพื่อควบคุมไม่ให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เป็นต้นทุนการผลิตในทุกภาคส่วนของทุกอุตสาหกรรม

โดยการดำเนินมาตรการภาษีในครั้งนี้ แม้จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันประมาณ 8,050 ล้านบาท โดยสูญเสียจากน้ำมันดีเซล (บี0) ประมาณ 7,920 ล้านบาท และจากน้ำมันเตาประมาณ 130 ล้านบาท ก็ตาม แต่กรมสรรพสามิต ให้ความสำคัญต่อการบรรเทาความเดือดร้อน ให้แก่พี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจ

ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการภาษีในครั้งนี้ไม่กระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต เนื่องจากรายได้ที่สูญเสียดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปรวมในเป้าหมายตั้งแต่ต้น

 

logoline