นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มข้น หลังจากที่ในช่วงม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเดือนละ 2 ล้านคน ดังนั้นในไตรมาส 1/65 ต่างชาติเข้ามาไทยประมาณ 6 ล้านคน
สำหรับตลาดที่เริ่มฟื้นตัวจะเป็นตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ เช่น จีน ประเทศในกลุ่มอาเซียนอาจเดินทางต่างประเทศและเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น นอกจากนี้อินเดียได้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนการเดินทางกลับเข้าประเทศแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจะช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวระยะไกล เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ที่อาจลดลง
นอกจากนี้ ททท.จึงต้องเร่งแก้ปัญหาด้านซัพพลายภาคการท่องเที่ยว เช่น ปัญหาขาดแคลนมัคคุเทศก์ การแก้ไขปัญหาด้านการตรวจคนเข้าเมือง ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในไทย
ขณะที่สายการบินเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มากนักหากเทียบกับปี 62 ก่อนการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากสายการบินอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเครื่องบินกลับมาให้บริการ พร้อมรับสมัครพนักงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จึงคาดว่าปัญหาดังกล่าวใช้เวลาอีกสักระยะที่จะคลี่คลาย
ทั้งนี้ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2566 ประเทศไทยมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 2.38 ล้านล้านบาท โดยมาจากนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางภายในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาท หากรวมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย ในกรณีที่ดีที่สุด (best case scenario) จำนวน 25-30 ล้านคน คาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 1.5 ล้านล้านบาท
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า อัตราการเข้าพัก (occupancy rate)ไตรมาส 2/66 อยู่ที่ระดับ 50-60% ส่วนอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมกลุ่มรีสอร์ตและโรงแรมหรู คาดว่าจะอยู่ในระดับดี และบางแห่งอาจมีราคาสูงกว่าปี 62 เนื่องจากยังเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูง
ขณะที่โรงแรมขนาดเล็ก หรือโรงแรมที่มีซัพพลายห้องพักจำนวนมากนั้น ก็เริ่มมีอัตราค่าห้องพักใกล้เคียงกับก่อนการระบาดแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่โรงแรมเสนอให้แก่ลูกค้าด้วย คาดว่าปลายปี 2567 รายได้ของภาคธุรกิจโรงแรมอาจจะกลับไปใกล้เคียงกับก่อนโควิด-19 ในปี 62 ที่ประมาณ 7.7 แสนล้านบาท