svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ผู้นำตลอดกาลในการเมืองจีน ! โดย "สุรชาติ บำรุงสุข"

24 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ภาพเหตุการณ์ เชิญตัว "หูจิ่นเทา" อดีตผู้นำอาวุโสของพรรคฯ ออกจากการประชุมอย่างที่ไม่ต้องแคร์กับสายตาชาวโลก จึงเป็นการสร้างภาพให้เห็นความเป็น "ผู้นำที่เข้มแข็ง" หรือ "Strong Man" ของ"สีจิ้นผิง" ติดตามได้เจาะประเด็น โดย "สุรชาติ บำรุงสุข"

 

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในของรัฐมหาอำนาจใหญ่ย่อมเป็นประเด็นที่จะต้องถูกจับตามองจากเวทีโลกเพราะการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ย่อมกระทบกับความเป็นไปของสถานการณ์โลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของการแข่งขันของรัฐมหาอำนาจใหญ่เช่นปัจจุบัน ดังที่ทราบกันดีว่าตัวผู้นำของรัฐมหาอำนาจใหญ่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงทิศทางการเมืองโลกในอนาคต

 

ผู้นำตลอดกาลในการเมืองจีน ! โดย \"สุรชาติ บำรุงสุข\"

 

การประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อเลือกคณะกรรมประจำ (The Standing Committee) เป็นข่าวสำคัญในตัวเอง แม้ทุกคนจะพอคาดเดาได้ว่า การขยายเวลาของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในเทอมที่ 3
เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะผิดคาดแต่อย่างใด

 

… แล้วในที่สุดการประชุมก็จบลงด้วยชัยชนะของ"ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง"ตามที่คาดไว้

 

ทำให้เขาเป็นผู้นำจีนที่มีอำนาจมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคของประธานเหมาเจ๋อตง และอาจจะเป็น "ผู้นำตลอดชีพ" เช่นที่ประธานเหมาเคยเป็นมาแล้ว และถ้อยแถลงของ "ประธานสี" กลายเป็นสิ่งที่คนในสังคมจีนต้องนำมาศึกษา ไม่ต่างจาก "ยุคประธานเหมา"

 

ผู้นำตลอดกาลในการเมืองจีน ! โดย \"สุรชาติ บำรุงสุข\"

 

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก้าวขึ้นสู่อำนาจในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2012 และเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจีนได้อยู่ในอำนาจมากกว่า 2 เทอม เนื่องจากมีข้อกำหนดเดิมที่เลขาธิการพรรคฯ
จะอยู่ในอำนาจได้ไม่เกิน 10 ปี (หรือ 2 เทอม) เพื่อป้องกันปัญหาการผูกขาดอำนาจในพรรค และนำไปสู่"ลัทธิบูชาตัวบุคคล" เช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่กติกานี้ต้องยกเลิกไปในปี 2018 เพื่อเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้อยู่ในอำนาจต่อไปได้

 

การแก้กติกานี้ คือ ภาพสะท้อนถึงการสร้างฐานอำนาจที่เข้มแข็งของเขาในการเมืองจีน

 

จีนเชิญตัว "หูจิ่นเทา" อดีตผู่นำอาวุโส ออกจากที่ประชุมพรรค

 

อีกทั้ง การประชุมพรรคครั้งนี้ยังได้เห็นถึงการแสดงอำนาจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยการพาตัว "อดีตประธานาธิบดีหูจิ่นเทา" ออกจากการประชุม  ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก จึงเสมือนกับการส่งสัญญาณ ทั้งภายนอกและภายในว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงคือ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว และไม่อนุญาตให้ใครมาท้าทาย ดังเช่นที่เขาเคยจัดการกับคู่แข่งขันเพื่อกระชับอำนาจภายในพรรคฯ มาแล้วด้วยข้อหาคอร์รัปชั่น

 

แม้สำนักข่าวของจีน จะพยายามแถลงว่า "ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา" สุขภาพไม่ดี และจำเป็นต้องออกไปพักผ่อนก่อนการประชุมจบ
แต่ดูเหมือนคำแถลงเช่นนี้ไม่สามารถจูงใจให้สังคมภายนอกเชื่อได้มากนัก  ผู้ที่ติดตามข่าวล้วนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ  ภาพสะท้อนถึงความขัดแย้งภายในพรรคดังที่ปรากฏเป็นข่าวมาเป็นระยะ

 

การพาอดีตผู้นำอาวุโสของพรรคฯ ออกจากการประชุมอย่างที่ไม่ต้องแคร์กับสายตาชาวโลก จึงเป็นการสร้างภาพให้เห็นความเป็น "ผู้นำที่เข้มแข็ง" หรือ "Strong Man" ในการเมืองจีนที่สามารถจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังเป็นสัญญาณถึงกลุ่มต่อต้านเขาภายในรัฐบาลอีกด้วย

 

ผู้นำตลอดกาลในการเมืองจีน ! โดย \"สุรชาติ บำรุงสุข\"

 

นอกจากนี้ สัญญาณของการกระชับอำนาจทั้งภายในพรรคฯ และภายในรัฐบาลยังเห็นได้จากการแต่งตั้งคณะกรรมการประจำใหม่บางส่วนซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่ากรรมการใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นคนในปีกของ"สีจิ้นผิงทั้งสิ้น และในอีกส่วนคือการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงออกไปเพราะเขามีมุมมองทางเศรษฐกิจที่แตกต่างออกไปจากประธานาธิบดี

 

อีกทั้งความเห็นต่างในนโยบาย"โควิดเป็นศูนย์" (Zero-Covid Policy) การเปลี่ยนตัวเช่นนี้ จึงทำให้จีนได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่คือ นายหลี่
เฉียง

 

คณะกรรมประจำพรรคชุดใหม่ของจีนในเชิงตัวบุคคลคือ คำยืนยันว่า นโยบายใหม่ของจีนจะยังเดินไปในแนวเดียวกันกับแนวทางเดิม หรืออีกนัยหนึ่งคือจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายของจีน และนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" จะยังคงใช้ต่อไป

 

แม้จะมีความเห็นแย้งในสังคมและในหมู่นักลงทุนเช่นไรก็ตาม  สิ่งเหล่านี้ในอีกด้านจึงเป็นการบ่งบอกถึง การรวมศูนย์อำนาจทางการเมืองที่มากขึ้นของผู้นำจีน และมีนัยว่าเศรษฐกิจจีนจะมีลักษณะของ "การควบคุมโดยรัฐ" มากขึ้นเช่นกัน (คือเป็น state-controlled
economy) ตลอดรวมถึงการควบคุมดูแลเศรษฐกิจภาคเอกชน
ซึ่งมีสัดส่วนที่ลดลงในโครงสร้างเศรษฐกิจของจีนยุคปัจจุบัน

 

นโยบายสำคัญของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงคือ การสร้าง "ยุคทองของจีน" ให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง หรือการประกาศนโยบาย "การฟื้นฟูชาติจีนครั้งใหญ่" (The Great Rejuvenation of the Chinese Nation)
และถือว่า สิ่งนี้เป็น "ภารกิจดั้งเดิม" ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนับตั้งแต่ได้อำนาจรัฐมาในปี 1949

 

นโยบายสำคัญอีกส่วนคือ การสร้างความเข้มแข็งทางทหารของจีน ดังที่เขาเรียกร้องให้มีการ"พัฒนาทางทหารที่เร็วมากขึ้น" (faster military development) เพื่อนำไปสู่การขยายอำนาจทางทหารของจีนซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ทำให้นักสังเกตการณ์กังวลกับปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียในอนาคตดังเช่นที่เห็นจากกรณีการปิดล้อมไต้หวันในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นต้น

 

ผู้นำตลอดกาลในการเมืองจีน ! โดย \"สุรชาติ บำรุงสุข\"

 

อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีทั้งประเด็นภายนอกและภายใน เช่น ปัญหาสิทธิมนุษยชนและการเรียกร้องทางการเมืองภายใน ปัญหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนในยุค "โควิดเป็นศูนย์" ปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาการแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาที่เข้มข้นมากขึ้น   ปัญหาการวางจุดยืนในสงครามยูเครน

 

และที่สำคัญคือ ปัญหาแรงเสียดทานภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเอง
การกระชับอำนาจในเทอมที่ 3 ของเขาจึงเป็นความท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

อีกทั้งน่าจับตามองอย่างมากถึงบทบาทของจีนในเวทีระหว่างประเทศหลังความสำเร็จของการกระชับอำนาจที่ปักกิ่งแล้ว!

logoline