ในที่สุดผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ดอย่างไม่เป็นทางการนับครบทุกเขต หรือ 20 อำเภอ ผลปรากฎว่า "เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์" เบอร์2 จากพรรคเพื่อไทย คะแนนแตะ 3 แสนคะแนนไปเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งห่างคู่แข่งสำคัญ อย่าง "รัชนี พลซื่อ" และ"จุรีพร สินธุไพร" ชนิดขาดลอย
แม้ผลการนับคะแนน 20 อำเภอ "เศกสิทธิ์" ชนะ19 อำเภอ แพ้อำเภอเดียว คือ อำเภอ เมยวดี ซึ่งเป็นอำเภอบ้านเกิด ของ"เอกภาพ พลซื่อ" โดยเจ้าตัวถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งนายกอบจ. และส่ง"รัชนี พลซื่อ"ภรรยาลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมนายกอบจ.ร้อยเอ็ดรอบนี้ก็ตาม
แต่สำหรับภาพใหญ่ของการเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ดแล้วเรียกได้ว่า ชนะ"แลนด์สไลด์"ก็ว่าได้ เพราะเมื่อนำคะแนนของสองคู่แข่งมารวมกัน ยังแพ้"เศกสิทธิ์"
ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง นายกอบจ.ร้อยเอ็ด ของ"เศกสิทธิ์" ภายใต้เสื้อคลุมพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการตอกย้ำความพยายามตามเจ้าของสโลแกนต้องชนะ"แลนด์สไลด์" จากคนแดนไกล ส่งผ่านมาถึง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย "อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร ที่นำทัพลงพื้นที่ต่างๆ พร้อมขายไอเดียนี้เพื่อโน้มน้าวผู้คนในทุกพื้นที่ที่ลงหาเสียงเลือกตั้ง
นี่ไม่ใช่ชัยชนะเบื้องแรกตามสโลแกน" แลนด์สไลด์" หากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งนายกอบจ.กาฬสินธุ์ ในช่วงเวลาไม่ห่างจากการเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ด สักเท่าไหร่นัก "พรรคเพื่อไทย" สร้างปรากฎการณ์"แลนด์สไลด์"มาแล้วจากชัยชนะเหนือคู่แข่งทุกราย
หรือถ้าจะให้เคลมปรากฎการณ์นี้ไปถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ที่แม้"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" จะประกาศลงในนามอิสระ แต่ภาพการสนับสนุนเบื้องหลังมิอาจปฎิเสธหน่อเนื้อเชื้อไขมาจากการเมืองเดิมจากเพื่อไทย อีกทั้งชัยชนะจากเวทีสก.ที่เพื่อไทยเข้าวินมาถึง 20 เขต เช่นกัน
คำเปิดใจของ"เศกสิทธิ์"หลังชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ด ผ่านเนชั่นทีวีออนไลน์ วิเคราะห์ปัจจัยแห่งชัยชนะ ด้วยการยอมรับเป็นผลมาจากการลงพื้นที่ของ"หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" ด้วยสโลแกน"แลนด์สไลด์" รวมถึง เสียงสะท้อนประชาชนไม่เอารัฐบาล ต้องการเปลี่ยนคณะผู้บริหารให้มาจากเพื่อไทยบ้าง ล้วนเป็นคำตอบแห่งชัยชนะครั้งนี้
และนี่เป็นเครื่องพิสูจน์ คำว่า"แลนด์สไลด์" มีอยู่จริง โดยผ่านบททดสอบทั้ง สนามท้องถิ่น สนามเมืองหลวง ที่กำลังลามมาเขย่าขวัญไปถึงสนามใหญ่การเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ เร็วๆนี้