
23 กันยายน 2568 เพื่อไทยยุค พจมาน นี่แหละตัวจริง หงส์เหนือมังกร ทักษิณ หลบรักษาแผลใจ ทิ้งไพ่ลับ ณัฐพงศ์ เขยขวัญนำทัพสงครามครั้งสุดท้าย
หงส์เหนือมังกร พจมาน มีบุคลิกพิเศษ ที่น่าประทับใจมากกว่าความสวย ทักษิณ จึงเลือกลูกสาวนายตำรวจใหญ่เป็นคู่ครอง
ทุกการตัดสินใจของ ทักษิณ ชินวัตร ย่อมผ่านความเห็นชอบจาก คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ไม่ว่าเรื่องธุรกิจและการเมือง
คุณหญิงพจมาน สนับสนุนทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ก่อนจะมาเริ่มต้นสร้างพรรคไทยรักไทย ตามมาด้วยพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
คนวงในกลุ่มแคร์ไม่รู้สึกแปลกใจที่ “คุณหญิงพจมาน” จะเข้ามาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย ช่วงเผชิญวิกฤตศรัทธา
ว่ากันว่า เฉพาะหน้านี้ “คุณหญิงพจมาน” จะประคองพรรค โอบอุ้ม สส.ที่เหลืออยู่ให้เดินต่อไปด้วยกัน
1.ในสภาฯ พรรคเพื่อไทย จะเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไม่สังฆกรรมพรรคประชาชน ขับเคลื่อนทิศทางและกำหนดเกมด้วยตัวเอง
2.พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยน “เรือนจำ” เป็นพื้นที่ทางการเมืองของคนเสื้อแดง
ทีมนางแบกเพื่อไทย พยายามปั้นนักโทษชายทักษิณ ให้เป็น “วีรุบุรุษประชาธิปไตย” ผู้ไม่สยบยอมต่อรัฐพันลึก
3.ตัวจริงบ้านจันทร์สั่งการตรึง สส.ทั้ง 2 ระบบให้อยู่พรรคเดิม ไม่หลงแสงสีเสียง เพื่อรอเวลาเปิดตัว ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี พินทองทา เป็นแคนดิเดตนายกฯสมัยหน้า
สรุปว่า วันที่คุณหญิงพจมาน พร้อมลูกๆ และเขยขวัญ เข้าไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำ ย่อมแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยชักธงรบแล้ว ไม่มีหมอบ
“พจมาน” ชื่อนี้มีอิทธิพลต่อเส้นทางชีวิตธุรกิจและการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ครั้งหนึ่ง นสพ.ยักษ์ใหญ่ ได้เขียนบทวิเคราะห์เรื่อง “นายหญิงเหนือนายใหญ่”
ทักษิณได้เล่าเรื่องชีวิตตัวเองไว้ในหนังสือ Conversations with THAKSIN (สัมภาษณ์โดยทอม เพลต นักข่าวชาวอเมริกัน) โดยตอนหนึ่งทักษิณเล่าเบื้องหลังการจดทะเบียนหย่ากับคุณหญิงอ้อ
“...เพราะคุณหญิงพจมานไม่ชอบการเมือง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการสร้างทางธุรกิจจนร่ำรวย คุณหญิงบอกว่าเราควรจะพักผ่อน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน”
แม้คุณหญิงพจมานไม่ชอบการเมือง
“...แต่เธอเข้าใจดีว่า ถ้าผมไม่ต่อสู้ ผมจะไม่มีวันได้กลับบ้าน”
วงในกลุ่มแคร์เปิดเผยว่า คุณหญิงพจมาน ไม่ชอบการเมือง ไม่สนใจเล่นการเมือง แต่คุณหญิงรู้จักนักการเมืองเยอะ จึงมีคอนเนกชั่น และช่วยแก้ไขวิกฤตให้สามีหลายครั้ง
ทักษิณอาจจะเก่งในการคบค้านักการเมือง และเลือกใช้คนให้เหมาะกับภารกิจ แต่คุณหญิงพจมานจะรู้จัก “คนการเมืองหลังม่าน” เสียมากกว่า
ในเว็บไซต์ thaksinofficial ทักษิณได้เล่าถึงวันวานอันแสนหวานว่า
“ผมจำได้แม่นยำ ผมพบพจมาน ดามาพงศ์ ครั้งแรก วันที่ 3 พฤษภาคม 2513 วันนั้นเธอสวมกระโปรงชุดสีเขียวตองอ่อนกับดำ รวบผมยาวสลวยติดโบไว้ข้างหลัง ดวงตาโตฉายแววอ่อนโยนใจดี หากมีประกายเด็ดเดี่ยวเร้นอยู่”
ลูกชายเถ้าแก่โรงหนังเชียงใหม่ เจอลูกสาวนายตำรวจครั้งแรก เอ่ยถามคำแรก
“น้องอ้อ เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วหรือยังครับ”
สาวน้อยคอนแวนต์วัย 16 ปี เงียบไปชั่วขณะ แล้วอ้อมแอ้มตอบกลับมาว่า
“อยู่ ม.ศ.3 เซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ค่ะ”
ทักษิณได้ค้นพบ “บุคลิกพิเศษ” ในตัวคุณหญิงอ้อ “บุคลิกนุ่มนวลที่แฝงความเข้มแข็งในที..น่าประทับใจมากกว่าความสวยธรรมดา และทำให้ผมตกหลุมรักแรกพบ หรือที่เรียกกันว่า Love at first sight ผู้หญิงคนนี้ทันที”
อย่างที่ทราบกัน คุณหญิงอ้อแตกต่างจากทักษิณ ด้วยปมชาติตระกูล คนหนึ่งลูกคนจีนภูธร และอีกคนหนึ่ง มาจากตระกูล “ณ ป้อมเพชร” และมีบิดาเป็นนายตำรวจใหญ่
คุณหญิงอ้อมีมารดาชื่อ พจนีย์ ณ ป้อมเพชร ลูกสาวของ พ.อ.พร้อม ณ ป้อมเพชร ซึ่งสืบสกุลจากบิดาคือหลวงคลัง (ต่วน) ณ ป้อมเพชร ซึ่งต้นตระกูลของคุณหญิงอ้อนั้น คนละสายกับ พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (ขำ) ผู้รับพระราชทานนามสกุล “ณ ป้อมเพชร์” (มีสะกดการันต์) จากรัชกาลที่ 6
ส่วนบิดาคุณหญิงพจมานคือ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ จึงอาจกล่าวได้ว่า คุณหญิงอ้อนั้นเติบโตในสังคมอีลิต
หลังรัฐประหาร 2549 คุณหญิงจันทร์ส่องหล้า เคยบอกทักษิณว่า “ฉลาดมากเกินไป” ถึงอยู่เมืองไทยไม่ได้
วันนี้กลับเมืองไทยแล้ว อีลิตยังคงหวาดระแวง จึงต้องไปเผชิญชะตากรรมอันเจ็บปวดไม่ต่างจากสมัยที่ลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน 17 ปี