svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

เดิมพันชายแดน “เนวิน” ยึดอีสานใต้ “อนุทิน” ถือธงดีลอนุรักษ์ น้ำเงินกินแดง

เลือกซ่อมศรีสะเกษ น้ำเงินเป็นต่อแดง “เนวิน” รุกใหญ่ “อนุทิน” ถือธงดีลอนุรักษ์ ตั้งเป้ากวาด สส.อีสานใต้ยกภาค

เดิมพันชายแดน เนวิน ครูใหญ่สีน้ำเงินถือแต้มต่อ ทักษิณ เพลี่ยงพล้ำสมรภูมิอีสานใต้ แนวพรมแดนไทย-กัมพูชา

 

เลือกซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ภูริกา ค่ายสีแดง ชูภาพคนบ้านเดียวกัน เผ่าพันธุ์กูย สู้บ้านใหญ่ จินณ์ตวรรณ ค่ายสีน้ำเงิน

 

ผลการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์) ในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ย.2568 จะมีคำตอบให้คอการเมือง กรณีค่ายสีน้ำเงิน หรือค่ายสีแดง จะเป็นแชมป์ สส.อีสานใต้ สมัยหน้า

การเลือกตั้ง สส. 14 พ.ค.2566 “เนวิน ชิดชอบ” และพรรคภูมิใจไทย ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายในสังเวียนอีสานใต้ เพราะเก็บเกี่ยว สส.มาได้ทุกจังหวัด

 

พื้นที่สีน้ำเงินอีสานใต้ ประกอบด้วย อำนาจเจริญ 2 ที่นั่ง ยโสธร 1 ที่นั่ง อุบลราชธานี 3 ที่นั่ง ศรีสะเกษ 2 ที่นั่ง บุรีรัมย์ 10 ที่นั่ง สุรินทร์ 5 ที่นั่ง นครราชสีมา 1 ที่นั่ง และชัยภูมิ 2 ที่นั่ง

 

ช่วง อนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย รัฐบาลแพทองธาร ได้จัดอีเวนท์ผ่านกลไกมหาดไทยที่ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ เสมือนเป็นการประกาศจับจองพื้นที่การเมืองล่วงหน้า

กระแสต่ำ-กระสุนหาย

 

บังเอิญ อมรเทพ สมหมาย อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 5 เสียชีวิต จึงมีเลือกตั้งซ่อม ในจังหวะที่เกิดวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ “กระแสเพื่อไทย” ดิ่งเหว

 

เนื่องจากปมคลิปมรณะจากฝั่งกัมพูชา บวกกระแสแม่ทัพบุญสิน ที่ครองใจชาวบ้านร้านตลาดทุกเพศวัย

 

ภูริกา ค่ายสีแดง เบอร์ 1

 

“กุ้ง” ภูริกา สมหมาย เสียเปรียบเรื่องกระแส แต่ก็ดีกว่าคู่แข่งตรงที่สืบเชื้อสายมาจาก “ชาติพันธุ์กูย” ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของ อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์

 

โหวตเตอร์คนรากหญ้าในสังเวียนศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์) พบว่า ส่วนใหญ่เป็นชาวกูย(ส่วย)ที่ชื่นชมอดีตนายกฯทักษิณ และนโยบายประชานิยม

 

“กุ้ง” ภูริกา ทายาทของอมรเทพ ที่ลงสนามสานต่ออุดมการณ์ของพ่อผู้จากไป จึงใช้จุดแข็ง “ลูกขุนหาญ หลานภูสิงห์” มาหาเสียง

 

“อีฟ” จินณ์ตวรรณ เป็นลูกหลานบ้านใหญ่ตระกูล “ไตรสรณกุล” แห่ง อ.กันทรลักษณ์ หากไม่มีกระแสชาตินิยม ปมพิพาทไทย-กัมพูชา ดูเหมือนบ้านใหญ่ก็จะต้องทำงานหนัก และสุ่มเสี่ยงที่จะแพ้เลือกตั้ง

 

จินณ์ตวรรณ ค่ายน้ำเงิน

 

โคราช-โจทย์ยากครูใหญ่

 

ในมติทางการเมืองปัจจุบัน สมรภูมิอีสานใต้ เพื่อไทยกำลังสูญเสียสถานะแชมป์โซนนี้ หลังเคยครองแชมป์มาแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย

 

ผลการเลือกตั้ง สส.ปีที่แล้ว ส่องเฉพาะสนามอุบลฯ และสุรินทร์ ปรากฏว่า พรรคภูมิใจไทยเจาะที่มั่นสีแดงได้เป็นครั้งแรก

 

สนามอุบลฯ มี สส.ทั้งหมด 11 ที่นั่ง เพื่อไทยคว้ามาได้ 4 ที่นั่ง ต่างจากปี 2562 พรรคเพื่อไทยกวาดมาได้ 7 ที่นั่ง

 

สนามสุรินทร์ เพื่อไทย ได้ 3 ที่นั่ง ภูมิใจไทย ได้ 5 ที่นั่ง จากทั้งหมด 8 ที่นั่ง ซึ่งเป็นสมัยแรกที่ค่ายสีแดงพ่ายค่ายสีน้ำเงิน

 

ว่ากันว่า จ.สุรินทร์ เป็นยุทธภูมิหนึ่งที่เพื่อไทยตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง จะถูกค่ายสีน้ำเงินกลืนกินทั้งจังหวัดในสมัยหน้า

 

สำหรับสนามบุรีรัมย์ บ้านใหญ่ตระกูลชิดชอบ ยังเป็นแชมป์ผูกขาด ตามมาด้วยอำนาจเจริญ ที่ยกจังหวัดเช่นกัน

 

เหลือเพียงสังเวียนศรีสะเกษ ที่ค่ายสีแดงยังกวาดไปได้ 7 ที่นั่ง และค่ายน้ำเงินได้ 2 ที่นั่ง

 

ล่าสุด มี สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย 2 คน ได้เตรียมย้ายมาสังกัดภูมิใจไทยคือ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ และ นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร โดยเวลานี้ พวกเขาสังกัดซุ้มศักดิ์ดา ศรีวิเชียร

 

ฝั่งสนามชัยภูมิ ค่ายสีน้ำเงิน ได้ สส. 2 ที่นั่ง หลังบ้านใหญ่-สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส่งคู่ชีวิตเข้ายึดกุม อบจ.ชัยภูมิได้ เนวินสั่งเพิ่มจำนวน สส.สมัยหน้าทันที

 

โจทย์ยากของ “เนวิน” คือ สนามนครราชสีมา ที่มี สส. 16 คน แยกเป็นเพื่อไทย 12 คน , ประชาชน 3 คน และภูมิใจไทย 1 คน

 

เดิมที “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ประมุขแป้งมันโคราช เคยเป็นแม่ทัพสีน้ำเงิน แต่เกิดข้อขัดแย้งกับศักดิ์สยาม ชิดชอบ จึงย้ายไปค่ายสีแดง

 

ยังไม่มีใครทราบว่า “กำนันป้อ” จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร เพราะเมืองย่าโม เป็นจังหวัดที่ชาวบ้านนิยมชมชอบทหาร และมีภาพติดลบต่อตระกูลชินวัตร

 

ประเมินก่อนยุบสภา “เนวิน” และพลพรรคสีน้ำเงิน จะขี่กระแสชาตินิยม กวาด สส.โซนอีสานใต้ได้เป็นกอบเป็นกำ