
ไร้ดีลสันติภาพ ฮุน เซน จะยืนสู้ถึงวันไหน ถามใจบ้านใหญ่ เตีย บัญ - ซอ เค็ง หรือจะซ้ำรอยปี 2554 เขมรขอคุยยุติศึกรบเอง
สงครามรอบนี้ ทัพฟ้าสยามถล่มฐานทุนเทา กระทบเครือข่ายบ้านใหญ่เกาะกง เหมือนตัดช่องทางการทูตลับไทย-กัมพูชา
การสู้รบไทย-กัมพูชา ย่างเข้าสู่วันที่ 7 สมเด็จฮุน เซน ผู้นำตัวจริงในคฤหาสน์ตาขะเมา และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ในทำเนียบพนมเปญ คงต้องพึ่งตนเองเป็นสำคัญ
เนื่องจาก “ตัวช่วย” อย่างอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถโน้มน้าวไทยเปิดดีลสันติภาพรอบใหม่ได้
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนกรานไม่มีการเจรจาสันติภาพแบบเดิม หากจะต้องมีการหยุดยิง กัมพูชาต้องเสนอแผนการถอนกำลัง เพื่อลดการเป็นปรปักษ์ต่อประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง
เช้าวันที่ 14 ธ.ค.2568 ฮุน มาเนต ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวสื่อสารไปถึงคนกัมพูชาทั้งประเทศ โดยส่งสัญญาณนับจากนี้ไป เขมรต้องพึ่งตัวเอง เพราะมหาอำนาจเล่นเกมตีสองหน้า
“ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เห็นพลังอันเข้มแข็งของมหาสามัคคีแห่งชาติชาวกัมพูชา ในห้วงเวลาที่ประเทศชาติของเรา กำลังเผชิญกับความยากลำบาก อันเนื่องมาจากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้าน”
ถ้ายังจำกันได้ เหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ระหว่างปี 2551-2554 ฮุน มาเนต สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก ได้นำคณะผู้แทนกัมพูชามาเจรจายุติการสู้รบกับคณะผู้แทนไทย ที่ด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ตัดมาที่สงครามไทย-กัมพูชา ยกที่ 2 สมเด็จฮุน เซน และฮุน มาเนต คงต้องคิดอ่านให้รอบคอบ จะหาทางลงอย่างไร เพื่อไม่ให้ฝ่ายตัวเองเสียเปรียบ
ที่สำคัญ ประมุข “3 บ้านใหญ่” ผู้กุมอำนาจการเมือง-การทหาร คือ “ฮุน เซน” ,“เตีย บัญ” และ “ซอ เค็ง” จะตัดสินใจครั้งสุดท้ายอย่างไร
อดีตนายพลไทยที่หันมาเป็นอินฟลูฯ และเล่นการเมืองเต็มตัว จะฟันธงว่า สงครามรอบนี้ ระบอบฮุน เซน จะล่มสลาย
หากส่องลึก “การเมืองสายตระกูล” ของกัมพูชา ยังพบว่า มีความมั่นคงและไร้มีรอยปริร้าวเหมือนกระแสข่าวในโซเชียลไทย
ความมั่นคงนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะยั่งยืนตลอดไป หากเกิดปัจจัยที่กระทบต่อความชอบธรรม ความสามัคคีภายในพรรคหรือ “บ้านใหญ่” การเมืองสายตระกูล อาจเผชิญความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
“ฮุน เซน” ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่ปี 2528 ก่อนจะส่งมอบตำแหน่งให้ ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตเมื่อปี 2566
บ้านใหญ่ตระกูล “ฮุน” ยังได้ผลักดันลูกชายคนเล็ก ฮุน มานี เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือน ในรัฐบาลฮุน มาเนต
บ้านใหญ่ตระกูล “ซอ” นำโดย ซอ เค็ง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ใน 2 ตำแหน่งนี้ยาวนานไม่แพ้ฮุน เซน และมีอิทธิพลบารมีในพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)
ปัจจุบัน สมเด็จวิบุลปัญญาซอ เค็ง ส่งไม้ต่อให้ลูกชาย ซอ สุขา เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย
บ้านใหญ่ตระกูล “เตีย” ที่คนไทยรู้จักกันดี หลังการเปลี่ยนรุ่น สมเด็จเสนาพิชัยเตีย บัญ ได้ส่งมอบตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมให้ลูกชาย เตีย เซ็ยฮา
สงครามไทย-กัมพูชา เมื่อ 17 ปีที่แล้ว กรณี ฮุน มาเนต เป็นคณะผู้แทนกัมพูชา มาเจรจายุติการสู้รบกับคณะผู้แทนไทยในคราวนั้น เพราะมีช่องทางการ “ทูตลับ” เชื่อมพนมเปญ-กรุงเทพฯ
สมัยโน้น “พี่น้องบูรพาพยัคฆ์” ยังคุมด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรอง ผบ.ทบ.
รู้กันดีว่า “เตีย บัญ” บ้านใหญ่เกาะกง มีความสนิทชิดเชื้อกับ “อดีตนายทหารไทย” มายาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มบูรพาพยัคฆ์
พ.ศ.นี้ ระบอบฮุน เซน เอื้อให้เกิดการก่ออาชญากรรมออนไลน์ จึงมีกระแสกดดันรัฐบาลไทย ทั้งรัฐบาลแพทองธาร และรัฐบาลอนุทิน ต้องปราบปรามทุนเทา
ดังนั้น “ราชาเกาะกง” ลี ยงพัด และ “เจ้าพ่อปอยเปต” ก๊ก อาน จึงถูกรัฐบาลไทยเชือด ทั้งที่สองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “นักการเมืองไทย”
ด้วยเหตุนี้แหละ ช่องทางการทูตลับไทย-กัมพูชา จึงเสมือนถูกปิดตาย ยกเว้นมีช่องทางใหม่ๆที่คาดไม่ถึง ที่จะนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงรอบใหม่