svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

รู้จัก "บูกิต จาลิล" สังเวียนที่ "ทีมชาติไทย" รอวันทำลายอาถรรพ์

ศึกต่อไปของ”ช้างศึก” ทีมชาติไทย คือ การบุกเยือน “เสือเหลือง” มาเลเซีย ที่ บูกิต จาลิล ซึ่งเป็น สนามที่ทีมชาติไทยไม่สามารถบุกเก็บชัยชนะได้มาหลายปี กับอุปสรรคทั้ง "หญ้าใบใหญ่" ที่ไม่คุ้นเคย และเสียงเชียร์จากแฟนฮาร์ดคอร์ของเจ้าถิ่น

สนาม "บูกิต จาลิล" ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 1995 ก่อนเปิดใช้งานในปี 1998 ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 1 พันล้านริงกิตมาเลเซีย (ราว 7,734 ล้านบาท) โดยสนามแห่งนี้ถือเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก สามารถจุแฟนบอลได้ทั้งหมด 87,411 คน (อย่างไรก็ตาม เกมนี้ จะมีแฟนบอลเข้าชมได้เพียง 59,000 คน เนื่องจาก สนามมีการติดตั้งเวทีคอนเสิร์ตทำให้ต้องมีการปิดอัฒจันทร์บางส่วน)

โดยสนาม "บูกิต จาลิล" สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา "คอมมอนเวลธ์ เกมส์ 1998" และจากนั้นก็ใช้ในการแข่งขันรายการสำคัญมากมายทั้งในระดับโลกและในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์ 2001 และ 2017, เฟสปิก เกมส์ 2006, กีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน 2008 รวมถึงฟุตบอลระดับนานาชาติอีกมากมาย

รู้จัก "บูกิต จาลิล" สังเวียนที่ "ทีมชาติไทย" รอวันทำลายอาถรรพ์ "หญ้าใบใหญ่" อุปสรรคสำคัญของทีมชาติไทย
เอกลักษณ์ของสนาม บูกิต จาลิล ที่แตกต่างจากสนามอื่นก็คือสนามแห่งนี้ยังคงใช้ "หญ้าใบใหญ่" หรือที่เรียกว่า "หญ้ามาเลเซีย" หรือ "Carpet Grass" โดยหญ้าชนิดนี้เป็นหญ้าพื้นเมืองของมาเลเซีย ที่มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศ รวมถึงเหมาะกับสภาพสนามแห่งนี้ เนื่องจากหญ้าชนิดนี้ต้องการความชุ่มชื้นของดินสูง จึงเหมาะกับสภาพอากาศของมาเลเซียที่มีฝนตกปีละ 6-8 เดือน ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการแสงแดดมากนักเมื่อเทียบกับหญ้าใบเล็กในสนามฟุตบอลแห่งอื่นๆ เนื่องจากสนาม บูกิต จาลิล มีหลังคาอัฒจันทร์รอบสนามทำให้บดบังแสงแดดแทบตลอดวัน จึงไม่สามารถใช้หญ้าใบเล็กเต็มทั้งสนามได้นั่นเอง
รู้จัก "บูกิต จาลิล" สังเวียนที่ "ทีมชาติไทย" รอวันทำลายอาถรรพ์

แต่การใช้หญ้าชนิดนี้ก็เป็นอุปสรรคสำหรับทีมชาติไทย เพราะหญ้าใบใหญ่ทำให้มี "ความหนืด" สูงกว่า ลูกบอลกระทบพื้นแล้วกระดอนช้า กลิ้งไปได้ไม่ไกล ขณะเดียวกันนักฟุตบอลก็ต้องใช้พละกำลังมากกว่าปกติด้วยกับการวิ่งบนสนามที่ใช้หญ้าชนิดนี้ตลอดทั้ง 90 นาที หรือกล่าวโดยสรุปก็คือ "หญ้าใบใหญ่" เหมาะกับทีมที่เล่นฟุตบอลแบบโยนยาวและใช้ความเร็วของแนวรุกวิ่งไล่เพราะบอลกลิ้งได้ช้า แต่ทีมชาติไทยที่เน้นการต่อบอลบนพื้นจะไม่ถนัดเพราะทำให้การเคลื่อนเกมช้าลงไปด้วยจนทำให้คู่แข่งตั้งรับได้ง่าย
รู้จัก "บูกิต จาลิล" สังเวียนที่ "ทีมชาติไทย" รอวันทำลายอาถรรพ์ "อุลตร้า มาลายา" กลุ่มแฟนบอลพันธุ์แท้ที่คู่แข่งต้องสะพรึง
นอกจากสภาพสนามอันเป็นอุปสรรคแล้ว การเล่นเกมเหย้าของมาเลเซียยังมีจุดแข็งอีกอย่างก็คือ กลุ่มแฟนบอลฮาร์ดคอร์นับหมื่นที่เรียกกันว่า "อุลตร้า มาลายา" ที่จะพร้อมใจส่งเสียงเชียร์แบบสนั่นหสั่นไหวตลอด 90 นาที จนทำให้บรรดาคู่แข่งทุกทีมต้องขาสั่น

โดยแฟนบอลเหล่านี้ต่างมีสโมสรที่เชียร์เป็นของตนเอง แต่ทันทีที่มีคิวแข่งขันในนามทีมชาติ พวกเขาจะร่วมใจกันเปล่งเสียงเชียร์อย่างพร้อมเพรียง รวมถึงการส่งเสียงกดดันการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ด่าทอฝั่งตรงข้ามให้ขวัญผวา  และอีกสารพัดสิ่งที่เท่าที่จะทำได้ จนทำให้สนามแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น "นรกของทีมเยือน" 
 

และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติไทยไม่สามารถบุกมาเก็บชัยชนะได้ในสนามแห่งนี้เป็นเวลาถึง 9 ปีแล้ว โดยสถิติ 6 นัดหลังระหว่างไทยกับมาเลเซียนั้น "ช้างศึก" ยังไม่ชนะได้เลย แบ่งเป็น เสมอ 2 และแพ้ 4 ดังนี้

  • 20 ธ.ค.2014 มาเลเซีย ชนะ ไทย 3-2 อาเซียนคัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2
  • 1 ธ.ค.2018 มาเลเซีย เสมอ ไทย 0-0 อาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
  • 5 ธ.ค.2018 ไทย เสมอ มาเลเซีย 2-2 อาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2
  • 14 พ.ย.2019 มาเลเซีย ชนะ ไทย 2-1 ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
  • 15 มิ.ย.2021 ไทย แพ้ มาเลเซีย 0-1 ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
  • 22 ก.ย.2022 ไทย เสมอ มาเลเซีย 1-1 (ดวลจุดโทษแพ้ 3-5) ฟุตบอลคิงส์คัพ 2022


ส่วนทีมชาติไทยจะทำลายอาถรรพ์ที่สนามแห่งนี้ได้สำเร็จหรือไม่ รอพิสูจน์กันได้ในวันเสาร์นี้ (7 ม.ค.) ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022" รอบรองชนะเลิศ นัดแรก คิกออฟเวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง MCOT HD 30 และ T-Sports 7