svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ยื่นฟ้อง กกท. -กสทช. เอื้อประโยชน์นายทุนถ่ายสดบอลโลก

28 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตัวแทนประชาชน ยื่นฟ้อง กกท.-กสทช. เอื้อประโยชน์นายทุนถ่ายสดบอลโลก สร้างภาระให้ประชาชน พร้อม ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยเร่งด่วน

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 นายนภดล วงษ์วิหค ตัวแทนประชาชน มอบอำนาจให้ สำนักงานกฎหมาย สเตโต้ พับบลิค ลอว์ เฟิร์ม (Stato Public Law Firm)  โดยคุณนพรัตน์ พลสิงห์ และ คุณกุลธิดา เกิดแก่นแก้ว เป็นทนายผู้รับมอบอำนาจ ยื่นฟ้อง

  • ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
  • การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
  • คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
  • และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

เป็นผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา มีมาตราการคุ้มครองและมีคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวโดยเร่งด่วน

นพรัตน์ พลสิงห์ และ กุลลธิดา เกิดแก่นแก้ว เป็นทนายผู้รับมอบอำนาจ ยื่นฟ้อง

เนื่องจากการที่ กกท. ในฐานะผู้ซื้อและได้รับลิขสิทธิ์การแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) มาจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านบริษัท อินฟร้อนท์ สปอร์ต แอนด์ มีเดีย ในมูลค่า 1,300 ล้านบาท

โดยเงินจำนวนครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 600 ล้านบาท มาจากกองทุนวิจัยและพัฒนาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทปส.) ส่วนที่เหลือได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัท ทรู ดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งสนับสนุนเงินจำนวนเพียง 300 ล้านบาท

 

ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเสนอตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ซึ่งการจัดสรรเงินจากกองทุนดังกล่าวให้แก่ กกท.นำไปซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย)

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมรายการดังกล่าวได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงหรือรับรู้ และใช้ประโยชน์ จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป ไม่เลือกปฏิบัติ

กกท. มีหน้าที่และพันธกิจในการส่งเสริมการกีฬา ตามมาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 แต่หน้าที่อันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีนี้ เกิดขึ้นจากการให้ความร่วมมือตามข้อตกลง แม้ว่าการกำกับดูแลการแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) จะเป็นหน้าที่โดยตรงของ กสทช.

อย่างไรก็ตาม กกท. ก็มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) เช่นเดียวกันกับ กสทช.

เนื่องจาก กกท.ได้รับรองในบันทึกความร่วมมือดังกล่าวว่า การแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) นั้น จะต้องครอบคลุมการออกอากาศผ่านกิจการการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ทุกประเภท ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. 

ฟ้องกราวรูด กกท.-กสทช.เอื้อประโยชน์นายทุนถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก

ดังนั้น กสทช. จึงมีหน้าที่ในการร่วมกันกำกับการแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ให้เป็นไปตามประกาศ Must Have Must Carry ที่มาของปัญหาในครั้งนี้ คือ กกท. ทำสัญญาให้สิทธิ์ในการใช้ลิขสิทธิ์การแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) เพียงผู้เดียวกับบริษัท ทรู ดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ทรู วิชั่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด (“กลุ่มทรู”) ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดผ่านระบบระบบไอพีทีวี (IPTV Transmission), ระบบอินเตอร์เน็ต (Internet Transmission), ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Transmission) และ ระบบอื่น ๆ ของทรูด้วย

เป็นกรณีที่สามารถคาดหมายได้ล่วงหน้าอย่างแน่นอนว่า จะเป็นการปิดกั้นในบางช่องทางการแพร่เสียง แพร่ภาพ และสามารถดูได้จากช่องทางการแพร่เสียง แพร่ภาพ ของกลุ่มทรูเท่านั้น ซึ่งเป็นกรณีขัดต่อเจตนารมณ์ของประกาศ Must Have Must Carry อันมุ่งหมายให้ประชาชนสามารถรับรู้และเข้าถึงการรับชมการแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ได้อย่างทั่วถึงและทุกช่องทาง

โดย กกท. ไม่กระทำการใด อันเป็นการระงับการให้สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ต่อกลุ่มทรู และ กสทช. ก็มิได้กระทำการใดอันเป็นการห้ามมิให้ กกท. เข้าทำสัญญากับกลุ่มทรูในข้อดังกล่าว การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหมด จึงเป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ในการจัดสรรลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และ ไม่เลือกปฏิบัติ

ยื่นฟ้อง กกท. -กสทช. เอื้อประโยชน์นายทุนถ่ายสดบอลโลก

การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ของผู้ถูกฟ้องคดีดังที่กล่าวมาข้างต้น ก่อให้เกิดปัญหาอย่างเห็นได้ชัด โดยประชาชนจำนวนเกือบ 1 ล้านคนที่มีกล่อง IPTV รับสัญญาณจากผู้ให้บริการอื่นอยู่แล้ว เช่น AIS Play Box, GMM Z, PSI,MVTV,DTV และอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ารับชมการแพร่เสียง แพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) ได้อย่างทั่วถึง

อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของประกาศ Must Have Must Carry ที่ กสทช. กำหนด ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนเกินสมควร ในการรับชมรายการถ่ายทอดสดดังกล่าว ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการซื้อกล่องรับสัญญาณทรู หรือ การติดตั้งเสาสัญญาณ (หนวดกุ้ง) เพิ่มเติม หรือหากมีการติดตั้งเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ของทรูจะส่งผลให้การรับชมไม่เสถียร

ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีจึงขอความเมตตาจากศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลปกครองกลางพิจารณาพิพากษาโดยเร่งด่วน กำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา และขอให้ศาลมีคำขอและมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวโดยเร่งด่วน เพื่อลดการผลักภาระให้กับประชาชนตามหลักการ Must Have Must Carry ที่ระบุไว้ชัดเจนแล้ว

logoline