
...คนที่เคยดูซีรีย์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับนักวอลเลย์บอล คงเคยเห็นวิธีการฝึกซ้อมนักกีฬาของเขาว่ามันเหนื่อยหนักขนาดไหน แต่ในชีวิตจริง การฝึกนักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย โค้ชอ๊อตก็เข้มงวดและขับเคี่ยวกับการฝึกซ้อมของสาวๆไม่แพ้กัน ผมมีโอกาสได้ติดตามทีมตบยางสาวไทยในฐานะ team journalist ไปแข่งขันมาทั้งหมด 14 ประเทศ คือกาต้าร์ โปแลนด์ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ คาซักสถาน เวียตนาม มาเก๊า บราซิล รัสเซีย และเยอรมัน ได้เห็นการฝึกซ้อมหนักๆโดยโค้ชอ๊อตแล้วต้องยกนิ้วว่า โหดจริงและหนักจัง
แต่หลังจากนั้นถึงได้เห็นว่าการฝึกหนักๆแบบนั้น มันทำให้ตบยางสาวไทยได้มายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของเอเซีย และระดับ top 12 ของโลกในปัจจุบัน น่าเสียดายที่ผมเก็บภาพการฝึกซ้อมแบบนั้นมาไม่หมด แต่ทุกเหตุการณ์บันทึกอยู่ในความทรงจำ..ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสติดตามสาวไทยไปแข่งขันต่างแดน
ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน แนน อุทัยวรรณ ตบสาวร่างยักษ์คนหนึ่ง ความที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมใหม่ๆ กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรง กระโดดได้ไม่สูง โดนโค้ชอ๊อดปาลูกวอลเลย์ใส่แบบไม่ยั้ง เพือให้เธอรับลูก ใช้ความเร็วและความคล่องตัว ภายใต้รูปร่างที่สูงใหญ่ เสียงดัง และหน้าตาที่ไปพร้อมกันหมดของโค้ชอ๊อต ซึ่งเป็นหลักทางจิตวิทยาในการสอนของโค้ช
แนนล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นท่า ด้วยร่างใหญ่ของเธอ ความคล่องตัวจึงอาจไม่ทัดเทียมกับอีกหลายคนในทีม แต่สิ่งที่น่าภูมิใจคือเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย..คว้าแชมป์เอเซียปี 2009 ที่ฮานอย
ครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี่ โค้ชอ๊อตตบรุนแรงให้น้องบีมรับบอล และโค้ชอ๊อตมักจะแกล้งตบไปอีกทาง หรือบางทีก็เปลี่ยนมาเป็นหยอด ให้บีมพุ่งเข้าหาลูกให้ทัน ช่วงแรกๆดูเธอคล่องแคล่ว รับบอลได้หมด แต่พอสักพัก โค้ชอ๊อตยังคงตบใส่โยกไปทางโน้นทีทางนี้ที บีมเริ่มหอบดังและเหนื่อย ขาก้าวไม่ออก ใบหน้าเธอมีเหงื่อผุดเต็มหน้า
จนท้ายๆ เธอเริ่มวิ่งไม่ไหว ล้มลุกคลุกคลาน ด้วยความพยายามที่จะรับลูกตบจากโค้ชอ๊อต เพื่อนๆพี่ๆร่วมทีมขานชื่อเธอให้กำลังใจ ไหวนะบีม สู้นะบีม...แล้วมันก็ผ่านไป
หลายๆคนในทีมก็โดนแบบนี้เช่นกัน นัยว่าให้เกิดความคล่องตัวตื่นตัวในการรับลูก สปีดในการรับลูก
ครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี้ เห็นกับตาเช่นกัน เพียวหายจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าขวาสัก 70 เปอร์เซ็นแล้ว แล้วเจ้าตัวบอกว่ายังมีอาการบวมนิดหน่อยและแหยงๆที่จะกระโดด ในขณะที่กองเชียร์ถามไถ่เยอะมากว่าเมื่อไหร่เพียวจะได้ลงแข่งขัน ตอนนั้น ในช่วงหนึ่งของการซ้อมโค้ชอ๊อตเรียกเพียวมาคนเดียว จับมือของเธอแล้วให้เธอม้วนหน้า ม้วนหลัง เกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นสนามหลายรอบ เพื่อให้เธอเกิดความเคยชิน ไม่ใช่เป็นการทรมาน แต่เพื่อทำให้เพียวกล้าที่จะฝึก กล้าที่จะใช้เท้า
ผมสังเกตเห็นเพียวมีน้ำตาคลอเบ้า จบฝึกเพียวแล้วโค้ชอ๊อตเดินมาที่ม้านั่ง ที่ผมนั่งดูการซ้อมอยู่ โค้ชอ๊อตถาม
เป็นไงบ้างพี่ปรี ผมซ้อมเป็นไงมั่ง น้ำตาไหลเลย...ผมเลยบอกโค้ชอ๊อตซ้อมหนักมาก โค้ชรีบบอก ต้องหนักแบบนี้แหละครับ เวลาไปเจอทีมแกร่งๆ มันหนาสาหัสกว่านี้เยอะ เขาก็ซ้อมมาหนักกว่าเราด้วยซ้ำ
และอีกหลายครั้งที่ได้เห็นการฝึกซ้อมที่หนักและเหนื่อยจริงๆกับนักตบลูกยางสาวไทย อย่างที่รู้กันว่าผมไปกับทีมทุกครั้ง จะไปเป็นคนไล่เก็บบอลนำมาใส่ล้อที่เก็บบอลเพื่อให้โค้ชและนักกีฬาได้ใช้ต่อเนื่อง หลายๆครั้ง ผมจับลูกบอล ผมถามตัวเอง ทำไมบอลมันเปียกได้..
เก็บคำตอบไว้กับตัวนะครับ
เพราะผมรู้ว่าคุณก็รู้ว่านั่นคือที่มาว่านักตบลูกยางสาวไทยเขาซ้อมหนักขนาดไหน อาบเหงื่อต่างน้ำขนาดนี้ ทุ่มเทขนาดนี้ ลูกบอลเลยมีเหงื่อเปียกชุ่มให้เราสัมผัสได้จริงกับมือขนาดนี้
เราที่นั่งชมและเชียร์พวกเธอกันอย่างเพลิดเพลิน เคยถามตัวเองมั๊ยครับว่า กว่าที่พวกเธอจะกระโดดตบได้แบบนี้ ตบเสริฟได้หนักหน่วงขนาดนี้ เป็นจอมขุดรับลูกตบได้เยี่ยมขนาดนี้ บล๊อคดีขนาดนี้ พวกเธอซ้อมมาหนักขนาดไหน
ลองแวะไปเยี่ยมมพวกเธอสักครั้งเวลาที่มีช่วงแข่งขันแล้วคุณจะรู้ว่า เบื้องหลังบอลเปียกเหงื่อ มันมีที่มาอย่างไร