svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการ “ดูดไขมัน” คนที่จะดูดไขมันต้องอ่าน!

คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการ “ดูดไขมัน” คนที่จะดูดไขมันต้องอ่าน!

ดูดไขมันคืออะไร ดูดไขมันได้ผลจริงหรือ ? ด้วยเทรนด์หุ่นสวย หุ่นปัง และสุขภาพดีที่กำลังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในปีที่ผ่านๆ มา และคาดว่าในอนาคตก็ยังคงเป็นเทรนที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ทำให้หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับเทรนด์ปรับสัดส่วน อย่าง “ดูดไขมัน” ที่จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้สัดส่วนลดลง เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจทุกอย่างก้าว

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจดูดไขมัน เราลองมาทำความรู้จักกับการดูดไขมันกันก่อนดีกว่า ว่าการดูดไขมันช่วยอะไรได้บ้าง ทำแล้วดีจริงไหม ปลอดภัยหรือไม่ ดูดไขมันเจ็บไหม อันตรายไหม? ทุกคำถามที่คุณสงสัยในบทความนี้มีคำตอบ!

การดูดไขมัน คืออะไร?

การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การศัลยกรรมรูปแบบหนึ่งที่ใช้เครื่องมือทางการแพทย์สอดใส่เข้าไปใต้ผิวหนังตามบริเวณต่างๆ เพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมา โดยการดูดไขมันเป็นการแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นไขมันบริเวณ หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เหนียง หรือ เอว แต่ทั้งนี้การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่การดูดไขมันเป็นการลดสัดส่วน ทำให้รูปร่างกลับมาสมส่วน

และยังมีหลายคนที่อาจจะยังไม่ทราบว่าการดูดไขมัน ไม่สามารถทำได้ในปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว เพราะเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมันในปริมาณมาก นอกจากนี้การดูดไขมันยังจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดเพราะถือเป็นการศัลยกรรมรูปแบบหนึ่ง

ดูดไขมันดีไหม อันตรายหรือเปล่า? ในปัจจุบันการดูดไขมันมีความเสี่ยงและอันตรายน้อยมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ มีวิสัญญีแพทย์คอยเฝ้าระวังอาการ และการรักษาต้องดูภายใต้ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ดูดไขมันมีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร

ในปัจจุบันการดูดไขมันมีข้อดีหลายอย่าง ทำให้หลายคนตัดสินใจดูดไขมัน แต่อย่างไรก็ตามการดูดไขมันก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง มาลองดูข้อดีและข้อจำกัดของการดูดไขมันกันก่อนตัดสินใจดีกว่า

ข้อดีของการดูดไขมัน

  • ช่วยลดสัดส่วนลงอย่างชัดเจน ในทันที
  • เสริมสร้างความมั่นใจในการแต่งตัวและการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด
  • ปรับสัดส่วนรูปร่างของแต่ละคนให้สมส่วน
  • เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
  • แผลมีขนาดเล็ก และ ไม่ก่อให้เกิดคีลอยด์ หรือ แผลเป็น

ข้อจำกัดของการดูดไขมัน

  • ไม่มีผลต่อสุขภาพ
  • ในระหว่างผ่าตัดดูดไขมันอาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง
  • จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น
  • มีโอกาสเกิดผิวไม่เรียบเนียนหลังทำได้
  • มีโอกาสเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย

อ่านข้อมูลเและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศัลยกรรม ดูดไขมัน ได้ที่นี่ คลิก!

วิธีวัดไขมัน

ดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง

 

สำหรับผู้ที่สนใจดูดไขมันอาจจะทดลองวัดไขมันง่ายๆ ด้วยตนเองที่บ้าน หรือวัดที่โรงพยาบาลหรือคลินิก ก่อนจะที่ตัดสินใจดูดไขมัน เพราะบางครั้งสัดส่วนที่ใหญ่อาจจะมาจากมวลกล้ามเนื้อ หรือกระดูก ไม่ใช่ไขมันอย่างที่คิด โดยวิธีวัดไขมันแบ่งออกเป็น 4 วิธี ได้แก่

  1. อัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เป็นการตรวจสอบดูว่าชั้นไขมันในร่างกายหนามากแค่ไหน
  2. Fat Caliper คือ ที่วัดไขมัน หรือที่เรียกว่า ที่หนีบไขมัน เป็นการประเมินว่าตนเองมีไขมันมากน้อยเพียงได้ ถ้าหนีบแล้วหนาแปลว่าร่างกายมีชั้นไขมันหนามากนั้นเอง
  3. Pinch Test เป็นการเช็คไขมันง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง โดยใช้มือบีบหยิบไขมันตามจุดต่างๆ เช่น แขน ต้นขา หรือ หน้าท้อง หากบีบแล้วหนาหมายความว่ามีไขมันเยอะนั้นเอง
  4. เครื่องวัดไขมัน หรือที่หลายคนเรียกว่า Body Fat สามารถหาซื้อได้ทั่วไป หรือ สามารถพบได้ตามฟิตเนส ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีความแม่นยำแตกต่างกัน

ใครบ้างที่เหมาะและไม่เหมาะกับการดูดไขมัน

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการดูดไขมัน เพราะการดูดไขมันยังมีเงื่อนไขบางประการ และยังขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคนไข้อีกด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วมาลองดูกันดีกว่า ว่ามีใครบ้างที่เหมาะและไม่เหมาะกับการดูดไขมัน

ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมัน

  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
  • ผู้ที่ไม่มั่นใจในรูปร่าง
  • ผู้ที่มีปัญหาสัดส่วนไม่เท่ากัน
  • คนที่ออกกำลังกายแล้ว แต่น้ำหนักและสัดส่วนไม่ลดลง
  • คนที่ไม่สะดวกออกกำลังกาย

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมัน

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง โรคภูมิแพ้ตัว
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ และ โรคไทรอยด์ที่ควบคุมไม่ได้
  • ผู้ที่มีผิวหนังย้วยมาก หรือ หย่อนคล้อย อาจจะต้องใช้วิธีอื่นแก้ไข เช่น การตัดหนังหน้าท้อง หรือ การยกกระชับผิวย้วยด้วย J Plasma ร่วมกับการดูดไขมัน ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อประเมินร่างกาย

จุดที่ดูดไขมันได้

จุดที่ดูดไขมันได้

สำหรับผู้ที่พบปัญหาไขมันส่วนเกิน และ ต้องการดูดไขมัน ไขมันที่สามารถดูดออกได้ต้องเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น และจุดที่สามารถดูดไขมันได้ มีดังนี้

  1. ดูดไขมันหน้าท้อง การดูดไขมันหน้าท้องช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง ช่วยให้หน้าท้องมีขนาดเล็กลง ปรับรูปร่างให้ดูดีขึ้น
  2. ดูดไขมันแผ่นหลัง ช่วยทำให้แผ่นหลังลีนขึ้น และรูปร่างดูเพรียวบางตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณแผ่นหลัง
  3. ดูดไขมันต้นขา ไขมันบริเวณต้นขานับว่าเป็นไขมันส่วนที่ลดยากมาก จำเป็นต้องใช้การออกกำลังกายหลายแบบ และใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
  4. ดูดไขมันน่อง การดูดไขมันที่น่องนอกจากจะช่วยให้ขาเรียวมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ดูสูงโปร่งมากขึ้นอีกด้วย
  5. ดูดไขมันข้อเท้า การดูดไขมันข้อเท้าสามารถช่วยให้ขาดูเรียวสวยมากขึ้นได้
  6. ดูดไขมันนมน้อย หรือ ดูดไขมันบริเวณก้อนเนื้อใต้รักแร้นิ่มๆ แก้ปัญหารักแร้ปลิ้น ใส่เสื้อสายเดี่ยว แขนกุดอย่างมั่นใจ
  7. ดูดไขมันต้นแขน ใครที่มีปัญหาแขนใหญ่ ก็ต้องดูดไขมันบริเวณต้นแขน ที่จะช่วยให้แขนเล็กลง และ ต้นแขนเรียวมากขึ้น
  8. ดูดไขมันมันเหนียง หน้าอวบอ้วน ก้มหน้าแล้วเห็นเหนียง สามารถแก้ไขได้ด้วยการดูดไขมันเหนียงที่จะช่วยให้หน้าเรียว ไม่ว่ามุมไหนก็เป๊ะ
  9. ดูดไขมันทั้งตัว เป็นการปรับลดสัดส่วนและปรับลดไซส์ให้ตัวเล็กลง สามารถใส่เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น
  10. ดูดไขมันเอวเอส ช่วยให้เอวบางรูปร่างดูเล็กลง มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากยิ่งขึ้น
 

ก่อนดูดไขมันเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

จะเตรียมตัวอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าดูดไขมันแบบใช้ยาชา หรือ ยาสลบหรือไม่ ซึ่งมีวิธีเตรียมตัวที่แตกต่างกันดังนี้

ดูดไขมันแบบวางยาสลบ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดน้ำ และ งดสูบบุหรี่ก่อนวางยาสลบ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  • อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ล้างสีเล็บ ตัดเล็บให้สั้น
  • งดแต่งหน้าและทาครีมใดๆ
  • สวมเสื้อผ้าที่หลวม ใส่สบาย และมีสีเข้ม
  • พาผู้ติดตามมารับกลับบ้านหลังดูดไขมันเสร็จ

ดูดไขมันแบบวางยาชา

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานอาหารได้ตามปกติ
  • งดชา กาแฟ น้ำอัดลม
  • สวมเสื้อผ้าที่หลวม ใสสบาย และมีสีเข้ม

พาผู้ติดตามมารับกลับบ้านหลังดูดไขมันเสร็จ

วิธีดูดไขมัน

วิธีดูดไขมัน

 

วิธีดูดไขมันในปัจจุบันทุกตำแหน่งบนร่างกายจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย โดยวิธีดูดไขมันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้

  1. ใส่ Tumescent เพื่อขยายพื้นที่ ลดความเจ็บ และช่วยให้เลือดออกน้อยลง
  2. แยกเซลล์ไขมันด้วยเครื่องดูดไขมันแต่ละชนิดที่เลือกใช้ของแต่ละคลินิก
  3. ดูดไขมันออกมาจากสัดส่วนที่ต้องการดูดไขมัน 
 

อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังดูดไขมัน

หลังจากดูดไขมัด้วยยาชาอาจจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ และหน้ามืดได้ ถ้าหากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงแนะนำให้ผู้ที่จะเข้ารับการดูดไขมันนอนหลับพักผ่อนให้เพียงและดื่มน้ำให้มากๆ นอกจากนี้อาจจะมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ แต่ในปัจจุบันมีโอกาสที่เกิดน้อยมาก เนื่องจากยาชาที่ใช้เป็นกรดจึงช่วยฆ่าเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และเป็นอาการที่สามารถรักษาให้หายได้

 

สรุปดูดไขมัน

สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว หรือ ตำแหน่งอื่นๆ ที่สร้างความกังวล ไม่มั่นใจ และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เสียโอกาสดีๆ ที่เข้ามาไป การดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดสัดส่วน ปรับรูปร่าง ให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละคน

โดยที่หลังจากเข้ารับการรักษาแล้วเห็นผลลัพธ์ทันที ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ปรับไซส์เสื้อผ้าทำให้แต่งตัวง่ายขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกขึ้น นอกจากนี้ในปัจจุบันการดูดไขมันยังเป็นการศัลยกรรมที่มีความเสี่ยงและอันตรายน้อยมาก ทั้งนี้ผู้ที่สนใจควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มีวิสัญญีแพทย์ และการดูดไขมันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก Amara Clinic