
สองพี่น้อง ส้มโอ-ส้มเกลี้ยง บ้านใหญ่ชายแดน ไตรสรณกุล ตระกูลการเมืองเก่าแก่แห่งศรีสะเกษ ได้เวลาทำศึกเลือกตั้งอีกครั้ง
สมรภูมิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ บททดสอบสำคัญ หลังตระกูลไตรสรณกุล เอาชนะพรรคเพื่อไทย ยึดครอง อบจ.ศรีสะเกษ อีกสมัย
เนื่องด้วย อมรเทพ สมหมาย สส. ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคเพื่อไทย ได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2568 ทำให้ความเป็น สส. ของอมรเทพสิ้นสุดลง จึงต้องมีการเลือกตั้ง สส.แทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน
การเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ จะเป็นโอกาสให้นักการเมืองจากตระกูล “ไตรสรณกุล” ได้ลงสนามแก้มือ หลังพ่ายแพ้เมื่อการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566
อย่างที่รู้กัน “ส้มโอ” ธีระ ไตรสรณกุล อดีต สส.ศรีสะเกษ ลงสนามในสีเสื้อพรรคภูมิใจไทย พลิกพ่าย อมรเทพ สมหมาย พรรคเพื่อไทย
ตัดกลับมาที่สนามการเมืองท้องถิ่น “ส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล ชนะ วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ พรรคเพื่อไทย นั่งนายก อบจ.ศรีสะเกษ สมัยที่ 7 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
“ส้มโอ” และ “ส้มเกลี้ยง” เป็นทายาทรุ่น 2 ของตระกูลไตรสรณกุล ที่ยังโลดแล่นไปบนถนนการเมือง ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น
ต้นตระกูล “ไตรสรณกุล” คือ ฮวด ไตรสรณกุล ผู้พาครอบครัวมาประกอบอาชีพทำไร่ และรับซื้อพืชไร่ แถวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ด้วยการคลุกคลีกับคนท้องถิ่น ฮวดจึงได้รับเลือกเป็นกรรมการสุขาภิบาล อ.กันทรลักษ์ และสมาชิกสภาจังหวัดศรีสะเกษ ปี 2518
ปี 2522 ฮวดติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เมื่อรัฐธรรมนูญปี 2522 ห้ามคนต่างด้าวเล่นการเมือง จึงส่งต่อมรดกการเมืองให้กับลูกชาย ลูกสาว และลูกเขย มาจนถึงทุกวันนี้
1. วีระ ไตรสรณกุล ลูกชายคนโตของเตี่ยฮวด เคยลงสมัคร สส. แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
2. “ส้มโอ” ธีระ ไตรสรณกุล ลูกชายคนที่สอง อดีต สส.ศรีสะเกษ 3 สมัย
3. “ส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล ลูกชายคนที่สาม นายก อบจ.ศรีสะเกษ สมัยที่ 7
4.“หมอเจี๊ยบ” อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ลูกสาวคนสุดท้อง อดีต สส.ศรีสะเกษ 2 สมัย และภรรยาของ นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต สส.ศรีสะเกษ 5 สมัย
นับจากการเลือกตั้ง สส.ศรีสะเกษ ปี 2562 จนถึงสมัยที่แล้ว บ้านใหญ่ชายแดน กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากรุ่น 2 สู่รุ่น 3
เมื่อ “กวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล ลูกสาวของนายกฯวิชิต ก้าวสู่การเมืองระดับชาติ ในสีเสื้อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเธอเปรียบเสมือนแกนหลักของ “ไตรสรณกุล” รุ่นที่ 3 บนเส้นทางการเมือง
วิชิต ไตรสรณกุล เป็นลูกชายคนที่สาม แต่รับไม้ต่อจากวีระ พี่ชายคนโตที่ไม่ประสบความสำเร็จ ล้มเหลวจากการลงสมัคร สส.
วิชิต ได้ขยายฐานการเมืองจากชายแดน อ.กันทรลักษ์ เข้าสู่ตัวเมืองศรีสะเกษ ได้รับเลือกเป็น สจ.ปี 2533 และได้รับเลือกเป็น นายก อบจ.ศรีสะเกษ สมัยแรกเมื่อปี 2543 ในนาม “กลุ่มฅนท้องถิ่น”
“นายกฯส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล ก่อตั้งกลุ่มฅนท้องถิ่น โดยเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับตระกูล “อังคสกุลเกียรติ” ที่ยึดครองพื้นที่เทศบาลศรีสะเกษ มานานกว่า 30 ปีแล้ว
เมื่อการเลือกตั้งนายก อบจ.ศรีสะเกษ สมัยที่ผ่านมา นายกฯส้มเกลี้ยง ได้ใช้แคมเปญหาเสียง “บ้านเรามีสีเดียว..คือศรีสะเกษ” ต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร ลงมาหาเสียงด้วยตัวเอง
ในที่สุด วิชิต ใช้กลยุทธ์ท้องถิ่นนิยม เอาชนะพรรคเพื่อไทยที่พยายามขายแบรนด์ทักษิณไปได้
มีข้อน่าสังเกตประการหนึ่งสำหรับตระกูล “ไตรสรณกุล” คือ การเมืองท้องถิ่นมีสีเดียวคือ “ศรีสะเกษ” แต่ในการเมืองระดับชาติ บ้านใหญ่ชายแดน แยกกันสังกัดหลายสีหลายพรรค
“ส้มโอ” ธีระ ไตรสรณกุล ลงสมัคร สส.ศรีสะเกษ ครั้งแรกปี 2548 สังกัดพรรคชาติไทย ไม่ประสบความสำเร็จ
ปี 2550 ธีระ ลงสมัคร สส.ศรีสะเกษ ในนามพรรคพลังประชาชน และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยแรก
ปี 2554 และปี 2562 ธีระ ยังได้รับเลือกเป็น สส.ศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์) สังกัดพรรคเพื่อไทย
สมัยที่แล้ว ธีระ ตัดสินใจย้ายจากเพื่อไทยไปสังกัดภูมิใจไทย จึงเจอยุทธการไล่หนูตีงูเห่า และพ่ายแพ้แก่ อมรเทพ สมหมาย ที่สวมเสื้อเพื่อไทยแทนเขา
อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ลูกสาวคนเล็กของเตี่ยฮวด จบพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์ชั้นสูง จากวิทยาลัยพยาบาลนครราชสีมา จึงเปิดคลินิกอุดมลักษณ์การพยาบาลและผดุงครรภ์
ชาวไร่แถวชายแดน อ.กันทรลักษ์ และ อ.ขุนหาญ จึงเรียกเธอว่า “หมอเจี๊ยบ” และกลายเป็นขวัญใจไทบ้าน
หมอเจี๊ยบ หนุนสามี นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ลงสมัคร สส.ศรีสะเกษ และได้รับเลือกเป็น สส. 2 สมัยในนามพรรคชาติไทย และอีก 2 สมัยในสีเสื้อพรรคไทยรักไทย
กระทั่ง หมอจาตุรงค์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดียุบพรรคไทยรักไทย จึงส่ง “หมอเจี๊ยบ” อุดมลักษณ์ ลงสมัคร สส.ปี 2550 และได้เป็น สส.สมัยแรก ในนามพรรคมัชฌิมาธิปไตย และเป็น สส.อีกสมัยในนามพรรคภูมิใจไทย
ปี 2562 หมอจาตุรงค์ กลับมาสมัคร สส.อีกครั้งในนามเพื่อไทย จึงได้เป็น สส.สมัยที่ 5 แต่สมัยที่แล้ว หมอเจี๊ยบลงสมัคร สส.แทนสามี ในนามภูมิใจไทย ก็พ่ายแพ้แก่เพื่อไทย
สรุปว่า การเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์) จะเป็นบททดสอบอันสำคัญของตระกูล “ไตรสรณกุล” อีกครั้งหนึ่ง