
18 ธันวาคม 2568 “ศ.ดร.เชน” ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย เปิดมุมมองแนวคิดผ่าน เนชั่นทีวี ต่อ 3 คำถามร้อนทางการเมือง
"หากวันหนึ่ง ดร.เชน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 33 เขาจะแก้ปัญหาร้อนที่วนเวียนอยู่กับการเมืองไทยนี้อย่างไร"
เราเริ่มจากคำถามแรก ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาข้อพิพาทไทยกัมพูชาให้จบอย่างไร
อาจารย์เชน บอกว่า ผมคิดว่าเป็นตามบริบทที่ต้องดูวันต่อวัน แต่หลักคิด แล้วก็หลักการของเรา
อย่างแรก เรื่องอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย เป็นจุดยืนสำคัญที่สุดนะครับ หากต้องตอบโต้ก็ต้องตอบโต้ตามสัดส่วนที่เราต้องทำ
อย่างที่สอง จำเป็นที่จะต้องเดินนโยบายทางด้านการทหารควบคู่ไปกับนโยบายทางด้านของการทูต ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
อย่างที่สาม เป็นเรื่องคู่ขนานกันไป ต้องนึกถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกรูปแบบรวมถึงพี่น้องที่เป็นเจ้าหน้าที่คนที่ดูแลอยู่ในเขตนั้น แล้วก็พี่น้องทหาร
ประการสุดท้าย “ ถ้าได้เป็นรัฐบาลก็คงจะต้องมีหน่วยงานที่จะดูแลแต่ละคนเพื่อให้เขาสามารถที่จะใช้ชีวิตได้และสุดท้ายก็คือฟื้นฟูให้กลับมาได้ ในลองเทอม สิ่งนี้ เราก็ต้องโพรเทค ประเทศก็ต้องทำให้ประเทศกัมพูชา สร้างความเข้าใจให้กับแต่ละคนเห็นเหตุผลต่างๆ แล้วทุกคนจะกลับมาช่วยประเทศไทย
คำถามที่สองถ้า เป็นนายกฯ เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่
แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยท่านนี้ บอกว่า อย่างแรก จุดยืนของพรรคเพื่อไทยพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นในระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่แล้ว
สอง รัฐธรรมนูญ ณ ปัจจุบันนะครับ ถูกสร้างมาในช่วงที่มีรัฐประหารเพราะฉะนั้นการที่ ณ ปัจจุบัน รัฐบาลเรามาจากการเลือกตั้ง เราก็ควรที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้จะเป็นจุดยืนที่เราต้องดำเนินไป
“ณ ปัจจุบัน ท่านนายกอนุทินก็ชงเรื่องนี้ เข้ามาสู่คำถามที่จะต้องกลับไปถามประชาชน ว่าเห็นควรที่จะแก้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ในกระบวนการ หากประชาชนเห็นควรแก้ เราพร้อมที่จะเดินตามประชาชน”
ถามว่า ที่มีการวิจารณ์นักการเมืองเสมอมาว่า ทำไมไม่แก้ปัญหาปากท้องก่อนแก้ รธน.
ดร.เชน กล่าวว่า อยากให้มองว่าในปีหน้า ถ้าประเทศไทยวันนี้ เรายังไม่หลุดพ้นกับเรื่องเกี่ยวกับอาการที่เราต้องมองประเด็นการเมืองเป็นหลัก จะเป็นอย่างไร
เรากลับมองเรื่องประเด็นปากท้องของแต่ละคน มองเรื่องของเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจค่อนข้างที่จะซับซ้อนพอสมควร เศรษฐกิจจะอิงกับเรื่องของ จีโอโพลิติกส์ จีโอโคโนมิกส์ต่างๆ ไคลเมทเชนจ์ (Climate Change) เทคโนโลยีดิสรัปชั่น
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เองจำเป็นที่จะต้องใช้ความสามัคคี การมีวิชั่นวิสัยทัศน์ที่จะนำไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ จำเป็นต้องขนานกันไปกับการดูแลคนรากหญ้า การปลดหนี้ การให้สวัสดิการแต่ละคนให้สามารถที่จะฟื้นขึ้นมาก่อน เพื่อจะช่วยเราสามารถสร้าง Growth Engine ใหม่ได้ ถ้าวันนี้ จีดีพีใหญ่ขึ้น รัฐบาลก็สามารถที่จะลงทุนในสิ่งต่างๆได้มากขึ้น
กับคำถามที่ผู้คนได้รับบทเรียนจากพรรคการเมืองกรณีชูนโยบายประชานิยมหาเสียง เกทับด้วยตัวเลขการเงิน ยังคงมีต่อไปหรือไม่
ดร.เชน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย บอกว่า นโยบายที่เราจะนำมาใช้ เราจะมองที่ภาพใหญ่ ตั้งแต่ปี 2540 ผ่านมามาการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 เรามองเรื่องการที่จะยกระดับประเทศไทยขึ้นมาให้มีรายได้ที่สูงขึ้น ทีนี้ทุกกลไกจะเป็นกลไกเดียวกัน
หนึ่ง เราจำเป็นที่จะต้องให้เศรษฐกิจวิ่งได้ ดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆเข้ามาทำให้แต่ละคนฟื้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นโครงการย่อยๆมีตามสัดส่วนและงบประมาณและบริบทที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็จะมีการปรับไปพร้อมกับสิ่งที่เราเคยเห็นแล้วว่า ณ ปัจจุบัน งบประมาณทำอะไรได้ไม่ได้ ก็จะมีบางส่วนที่มี และบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป
ถามย้ำ ตัวอย่างนโยบายประชานิยมแบบแจกเงินหมื่นดิจิทัล หรือปรับค่าแรงแข่งกับพรรคการเมืองต่าง ยังต้องมีใช่หรือไม่
ดร.เชน กล่าวว่า อย่างแรก เราต้องการให้เกิดเศรษฐกิจที่หมุน วิธีการทำเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่เรื่องของการทำเรื่องแจกเงินอย่างเดียวความจริงแล้วสามารถปรับได้ตามบริบทของงบประมาณเพื่อที่จะสามารถทำให้ประเทศเนี่ยฟื้นกลับมาได้
อย่างที่สอง คือเรื่องเกี่ยวกับอินเวสต์เมนต์ จากข้างนอกการสร้างเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามา เพราะฉะนั้นเรายึดหลักสองหลักนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวโปรเจกต์ ต้องดูตามสภาพการณ์ ณ ปัจจุบัน ก็จะต้องมีการผสมผสานกัน ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรคจะเคาะตัวเลขความเหมาะสมออกมา
“ตอนนี้ ทีมยุทธศาสตร์ กำลังพิจารณากันอยู่ เพราะมีนโยบายเพื่อการหาเสียงเข้ามาหลายเรื่องมาก กำลังคัดสรรกันอยู่และยังต้องเตรียมแจ้งต่อกกต.ด้วย “ ดร.เชน กล่าวทิ้งท้าย