svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แกะรอย “บิ๊กกุ้ง” ฟื้นความหลัง..ใครสั่งหยุดยิง? อดีตแม่ทัพออกมาแฉทำไม

แกะรอย “บิ๊กกุ้ง” ฟื้นความหลัง..ใครสั่งหยุดยิง? ถอดรหัสคำพูด ชี้ 3 เป้าหมาย “เป็นไปได้” หรือ “ใส่สี” แล้วทำไม “บิ๊กกุ้ง” พูดทำไม กลอนพาไป หรือ โยนระเบิด?

10 พฤศจิกายน 2568 ข่าวใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ คือ “ใครสั่งหยุดยิง” จากคำเปิดอกล่าสุดของ “แม่ทัพกุ้ง” ที่วิเคราะห์จากวลีเด็ด “เขาสั่งให้หยุดยิง” สังคมบางส่วนตีความว่าหมายถึง รมช.กลาโหม ในขณะนั้น ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลแพทองธาร นั่นก็คือ “บิ๊กเล็ก” ใช่หรือไม่

แต่ อ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านความมั่นคง ออกมาแก้ข่าวแทนให้ โดยอ้างคำพูด “บิ๊กเล็ก” ช่วงที่ได้พูดคุยสอบถามกันโดยตรง ตอนที่ “บิ๊กเล็ก” ทาบทามให้ อ.วันวิชิต มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ซึ่งตอนที่คุยนี้ “บิ๊กเล็ก” เป็น รมว.กลาโหม แล้ว ในรัฐบาลอนุทิน 

พลโท บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2

ข้อสังเกต จากคำพูด และคำบอกเล่าของทั้ง อ.วันวิชิต และ “บิ๊กกุ้ง“
 

1.คนที่สั่ง “หยุดยิง” น่าจะไม่ใช่ทหาร เพราะทั้ง อ.วันวิชิต และ “บิ๊กกุ้ง” ใช้สรรพนามแทนว่า “คุณ” เมื่อพูดถึงคนคนนี้

 

 

2.สืบเนื่องจากข้อ 1 มีนักการทหาร บุคคลในแวดวงสีเขียว วิเคราะห์ว่า ถ้าพิจารณาในมุม “บิ๊กกุ้ง” หากเป็นทหารด้วยกันจะเรียก “พี่”

 

ยิ่งถ้าหมายถึง “บิ๊กเล็ก” ซึ่งเป็นนายทหารรุ่นพี่ถึง 6 ปี ก็น่าจะเรียก “พี่” มากกว่า

 

ถ้าเรียก “ท่าน” น่าจะเป็นฝ่ายการเมืองชัดเจน แต่คำนี้ดูให้เกียรติกันเกินไป “บิ๊กกุ้ง” น่าจะเลี่ยงคำ เพราะไม่น่าจะพอใจที่ถูกสั่งให้หยุดยิง

3."บิ๊กกุ้ง" อ้างถึงผู้บังคับบัญชา ณ เวลานั้น ใครคือผู้บังคับบัญชา ตัวบุคคลที่ถูกระบุถึงก็เริ่มแคบเข้ามา เพราะสายการบังคับบัญชาชัดเจน

 

แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ ผบ.ทบ. เพราะเป็น “เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26” ของ “บิ๊กกุ้ง” และวันนี้ “บิ๊กกุ้ง” ก็ไปช่วยงานหลังเกษียณ ในฐานะที่ปรึกษา ผบ.ทบ.

 

**แต่ “บิ๊กกุ้ง” พูดถึงคนสั่งให้หยุดยิงว่า น่าจะเข้าข่ายทรยศชาติ รับงานเขมร โทษถึงประหารชีวิต ฉะนั้นย่อมไม่ได้หมายถึง ผบ.ทบ. แน่นอน / บุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยจึงเหลือน้อยจริงๆ

 

 4.เวลาที่พูดถึงคือเวลาไหน หากฟังเผินๆ จะนึกว่าเป็นวันที่ 28 ก.ค.68 ซึ่งเป็นวันทำข้อตกลงหยุดยิง และให้มีผลทันทีในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28

 

แต่การหยุดยิงเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. ตกเป็นกระแสวิจารณ์รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มาระยะหนึ่งแล้วว่า รีบเร่งเกินไป และไม่ประสานกับฝ่ายทหารหน้าแนวให้ดี ทำให้เมื่อหยุดยิงทันทีเวลาเที่ยงคืน ทหารไทยยังปฏิบัติการไม่เบ็ดเสร็จหลายจุด กลายเป็นปัญหายือเยื้อมาถึงปัจจุบัน ทั้ง ช่องอานม้า และปราสาทตาควาย

 

แต่คำตอบของ “บิ๊กกุ้ง” ในเรื่องนี้ระบุชัด คำสั่งหยุดยิงไม่ใช่วันที่ 28 ก.ค. วันเดียวกับที่ทำข้อตกลงกับกัมพูชา แต่ย้อนกลับไปวันที่ยิงกันวันแรก นั่นก็คือวันที่ 24 ก.ค. หลังทหารไทยโดนกับระเบิดอีกครั้ง และกองทัพไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

อ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านความมั่นคง
 

3 เป้าหมาย “เป็นไปได้” หรือ “ใส่สี”
 

จากการถอดรหัสถ้อยคำที่ใช้ ทั้งของ “บิ๊กกุ้ง” และ “อ.วันวิชิต” พิจารณาประกอบสถานการณ์แวดล้อม ก็จะเริ่มเห็นภาพชัดว่า ใครคือผู้บังคับบัญชาเวลานั้น? ใครคือคนที่ใช้สรรพนามเรียกว่า “คุณ” ?

 

โอกาสความเป็นไปได้ และหรือ เป็นไม่ได้ คือ

 

1."อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น

 

ความเป็นไปได้ - เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการ มีอำนาจสั่งการ + เป็นพลเรือน ไม่ใช่ทหาร

 

ข้อโต้แย้ง - ขณะนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงฮุนเซน จึงไม่น่าเป็นคนโทรสั่งการใดๆ

 

**การไปทำข้อตกลงหยุดยิงในอีก 4-5 วันต่อมา คือ วันที่ 28 ก.ค. และนำมาสู่การหยุดยิงเวลาเที่ยงคืน ของคืนวันนั้นเลย ก็เป็น “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่เดินทางไปทำหน้าที่แทน ในฐานะ “รักษาการนายกฯ” ผู้มีอำนาจเต็ม 

"อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

 

2."บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย

 

ความเป็นไปได้ - เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดตัวจริง คือ รักษาการนายกฯ มีอำนาจสั่งการ + เป็นพลเรือน ไม่ใช่ทหาร + เคยเป็นอดีต รมว.กลาโหม น่าจะมีสายสัมพันธ์ รู้ช่องทางในการสั่ง

 

ข้อโต้แย้ง - เจ้าตัวออกมาเปิดเผยสั้นๆ กับ เนชั่น ตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ว่า “รัฐบาลไม่เคยเข้าไปสั่งการใดๆ”

 

**จากนั้นได้โพสต์ในเฟซบุ๊กชี้แจงรายละเอียดเหตุผล สรุปคือ

 

 - ออกตัวว่าเคยปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ประธาน สมช.

 

 - หลังเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เรียกประชุม สมช.และมีมติสำคัญ คือ “มอบอำนาจให้กองทัพสามารถตัดสินใจได้ตามหลัก Rules Of Engagement (ROE)” = กองทัพมีอำนาจตัดสินใจเชิงยุทธวิธี ตามสถานการณ์ ไม่ต้องรอคำสั่งจากฝ่ายการเมือง

 

 - รัฐบาลทำหน้าที่ตัดสินใจเชิงนโยบาย / สมช.ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง และเป็นศูนย์รวมข้อมูล / หน่วยปฏิบัติได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและเสรีในการปฏิบัติหน้าที่ผ่านกลไกของกฎอัยการศึก

 

 - ในช่วงที่เป็น รมว.กลาโหม ได้ทำงานประสานกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆ อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีการหารือ และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบคอบ

 

 - ทุกการตัดสินใจในช่วงเวลานั้น มีจุดยืนเพียงหนึ่งเดียวคือ "ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และ หลีกเลี่ยงความรุนแรงเพื่อลดความสูญเสียของกำลังพล และพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนให้ได้มากที่สุด"

 

***ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ เมื่อโพสต์ fb จริงๆ ไม่ได้ระบุชัดว่า สั่งให้หยุดยิงหรือไม่ได้สั่ง แต่อธิบายการทำงาน ให้ตีความเอง

 

แต่ล่าสุด “บิ๊กกุ้ง” ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “คมชัดลึก” ทางเนชั่นทีวี ยืนยันว่า คำสั่งให้หยุดยิง ไม่ใช่ “บิ๊กอ้วน” รวมถึงไม่ใช่ “บิ๊กเล็ก - บิ๊กปู - บิ๊กอ๊อบ” ด้วย


2."บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย


3.อดีตนายกฯ ทักษิณ เจ้าของฉายา “สทร.”

 

ความเป็นไปได้ - ช่วงที่เกิดสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ทุกฝ่ายคาดหวังให้อดีตนายกฯแสดงบทบาท + มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา โดยเฉพาะ “ฮุน เซน” น่าจะอยากให้พูดคุยมากกว่า + เป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล

 

ข้อโต้แย้ง - ไม่มีจริงอำนาจตามกฎหมาย ฉะนั้นในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ถึงจะสั่ง กองทัพก็น่าจะไม่ฟัง เพราะเกี่ยวพันกับชีวิตกำลังพล

 

***เป็นข้อสังเกตที่เจ้าตัวไม่ได้มีสิทธิ์โต้แย้ง

 

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
 

“บิ๊กกุ้ง” พูดทำไม กลอนพาไป หรือ โยนระเบิด?
 

ตรวจสอบกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากการขุดค้นหาตัวว่า “ใครสั่งหยุดยิง” แล้ว

 

ก็มีความเห็นอีกกระแสที่ไม่น้อยเหมือนกันว่า “บิ๊กกุ้ง” มาพูดเรื่องนี้ทำไม

 

มีการอ้างถึงคำพูดของ “บิ๊กกุ้ง” ที่บอกว่า แม้เขาสั่งหยุดยิง ตนก็ไม่ทำ เนื่องจากสตาร์ทเครื่องแล้ว จนมีการตั้งคำถามย้อนกลับว่า ขัดคำสั่งรัฐบาลหรือไม่ แบบนี้มีความผิดด้วยหรือเปล่า เพราะกองทัพต้องเป็นกลไกของรัฐบาล และรัฐบาลมีอำนาจที่จะตัดสินใจว่า ควรรบ หรือควรเจรจา

 

แม้การเอาผิดทางกฎหมายคงจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจาก “บิ๊กกุ้ง” ก็พูดเองว่า ได้ต่อรองกับผู้บังคับบัญชา จนตัวเองก็ทำการรบต่อเนื่องมา และรัฐบาลก็ไม่ได้สั่งปลด หรือดำเนินการใดๆ เรื่องนี้จึงเป็นอันพับไป

 

แต่ก็ยังมีการขุดค้นตั้งคำถามกันไม่น้อยว่า “บิ๊กกุ้ง” พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม 

พลโท บุญสิน พาดกลาง อดีตแมาทัพภาคที่ 2

 

จากการตรวจสอบกระแสวิจารณ์จากหลากหลายช่องทาง พอสรุปได้ดังนี้

 

1.กลอนพาไป เพราะพูดบนเวที ซึ่งมีกองเชียร์สายอนุรักษ์นิยมเต็มพิกัด

 

**ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนักการเมืองที่คร่ำหวอดในการหาเสียง บางทีขึ้นปราศรัยบนเวที มีกองเชียร์เยอะๆ ก็หลุดได้เหมือนกัน

 

2.พิธีกรชงคำถาม ต้องยอมรับว่าพิธีกรบนเวที “เก๋ามาก” มีลีลาในการถาม และเกาะติดประเด็นที่ถามไปแล้ว เพื่อให้ได้คำตอบ ทำให้ผู้ตอบต้องหลุดคำตอบออกมา แม้อาจจะไม่ค่อยอยากพูดเท่าไรก็ตาม

 

แต่อย่างที่บอก ผมมีข้อมูลที่ประสบมาด้วยตัวเอง เป็นข้อมูล “ลึกลับจากวัดแห่งหนึ่ง”

 

3.เหตุผลส่วนตัว เพราะต้องยอมรับว่า “บิ๊กกุ้ง” อึดอัดไม่น้อยเมื่อครั้งยังทำหน้าที่แม่ทัพ ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย

 

 - ถูกสั่งให้หยุดยิงตั้งแต่วันแรก ตามที่เล่าล่าสุด


 - 28 ก.ค. วันทำข้อตกลงหยุดยิง ขอต่อเวลาเพื่อเคลียร์อีกบางพื้นที่ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง


 - คลิปหลุด ถูกอดีตนายกฯแพทองธาร พาดพิงว่า “อยู่คนละฝ่าย”

 

ย้อนรอยเรื่องลึกลับ ณ วัดแห่งหนึ่ง

 

เรื่องนี้จะทำให้เห็นรอยร้าวระหว่างฝ่ายการเมืองในยุคนั้น กับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะ “แม่ทัพกุ้ง”

 

เรื่องราวเกิดขึ้นก่อน 24 ก.ค. ตั้งแต่เกิดกรณีพิพาทกับเขมรใหม่ๆ หลังฝ่ายกัมพูชาเผา “ศาลาตรีมุข” และขุดคูล้ำเข้ามาในเขตไทย กระทั่งมีการใช้อาวุธจากฝ่ายไทย และทำให้ฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจ

 

วันหนึ่ง ในงานศพบุคคลสำคัญงานหนึ่ง ทีมข่าวข้นคนข่าวนั่งอยู่ในงานด้วย และได้ยินเสียงพูดคุยของ “บุคคลในฝ่ายการเมือง” ระดับ “ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคหนึ่ง” มีร่องรอยการ “ไม่เอาแม่ทัพกุ้ง” ตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว

 

“แม่ทัพโอเวอร์แอคเกินไป” เป็นคำพูดของบุคคลในฝ่ายการเมืองรายนั้น ทำให้หลายคนที่ได้ยินพากันคิดว่า “แม่ทัพภาค 2 โดนย้ายแน่”

 

หลังจากนั้นก็มีข่าว “พยายามย้ายแม่ทัพ” จริงๆ แต่ก็มีกระแสคัดค้าน เพราะอายุราชการแม่ทัพเหลือปีสุดท้าย ไม่กี่เดือนก็เกษียณ ตามธรรมเนียม หากไม่ได้ทำผิดร้ายแรงจะไม่มีการย้าย (แตกต่างจากเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ ที่มีการย้ายแม่ทัพภาค 4 หลังเหตุการณ์ แต่กรณีนี้เป็นการทำหน้าที่ปกป้องชายแดน)

 

สุดท้ายจึงไม่มีการย้าย และเรื่องก็เงียบหายไป แม่ทัพก็ทำงานต่อไป ภายใต้บรรยากาศที่ไม่ค่อยเป็นเอกภาพนักกับรัฐบาล และฝ่ายการเมือง

 

กระทั่งมีคลิปเสียงนายกฯแพทองธาร คุยกับ “ฮุน เซน” หลุดออกมา และมีคำพูดทำนองว่า “แม่ทัพไม่ใช่พวกเรา” สอดรับกับเสียงคุยจากวัดแห่งหนึ่ง

 

แม้บุคคลสำคัญ 2 คนนี้ เป็นคนละคน แต่ก็คงทำให้มองเห็นความเชื่อมโยง และปัญหาระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพ หรือพูดให้ชัดคือ คนในรัฐบาลเพื่อไทย กับ แม่ทัพกุ้ง

 

นี่คือความอึดอัดพลุ่งพล่าน ซึ่งน่าจะคับอยู่อก ข้องอยู่ในใจของ “แม่ทัพคนดัง” ตลอดมา

 

และเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ระเบิดออกมา ในจังหวะเวลาที่สถานการณ์กำลังรอเติมเชื้อไฟ!