
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “3 บก.เนชั่นทีวี” ผ่าน “รายการเนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก.” ถึงจุดยืนและบทบาทประเทศไทยต่อภูมิรัฐศาสตร์โลก 2 ขั้วในปัจจุบันว่า หลาย ๆ คนอาจมองว่า ประเทศไทยจะแย่แล้ว และต้องระวังตัว แต่ ถ้าประเทศไทยวางตัวให้ดี และรู้ว่าผลประโยชน์อยู่ที่ใด ก็สามารถใช้โอกาสนี้ เพิ่มอำนาจต่อรองประเทศไทยได้ แต่จะต้องรู้ผลประโยชน์ของตัวเอง มากกว่าการให้ประเทศมหาอำนาจเป็นผู้กำหนดว่า ผลประโยชน์ประเทศไทยคืออะไร และประเทศไทยต้องกล้าตัดสินใจ
(คลิป) รายการ: เนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก. ช่วง "ประเทศไทยในบริบท Geopolitics" ออกอากาศวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 Link: https://www.youtube.com/watch?v=KelEIu3G66Q
นายสีหศักดิ์ ยังมั่นใจว่า ประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 จะต้องเห็นความสำคัญของประเทศไทย ถ้าการทูตขับเคลื่อนดี และการเมืองประเทศไทยนิ่ง พร้อมทั้งสามารถแสดงบทบาทประเทศไทย เช่น กรณีประเทศเมียนมา ซึ่งหากเมียนมามีสันติภาพ ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย และประเทศไทยต้องแสดงบทบาทในอาเซียนด้วยว่า ประเทศไทย จะขับเคลื่อนอาเซียนอย่างไร เพื่อให้มหาอำนาจเห็นความสำคัญของประเทศไทย หรือ อย่างกรณีเรื่องสันติภาพไทย-กัมพูชา ที่สหรัฐอเมริกา เข้ามามีบทบาทส่วนหนึ่ง ก็ทำให้ประเทศไทยกลับมาสู่จอเรดาร์ได้
ส่วนจุดยืนทางการทูตของประเทศไทย กลับมาเอนเอียงไปทางฝั่งสหรัฐอเมริกามากขึ้นหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้นั้น นายสีหศักดิ์ มองว่า ประเทศไทยไม่ได้เอนเอียง แต่ทำให้ประเทศไทยกลับไปสู่จุดสมดุลที่ดีขึ้น ซึ่งตนเองคิดว่า ในอดีตอาจจะหนักไปทางอีกฝั่งหนึ่ง เพราะประเทศไทยไม่มีทางเลือก เพราะสหรัฐอเมริกา ก็ห่างจากประเทศไทย ตั้งแต่มีเหตุการรัฐประหาร และไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับประเทศไทย ละเลยยุทธศาสตร์ประเทศไทย และการเมืองไทยก็ไม่นิ่ง ทำให้สหรัฐอเมริกา ห่างจากไทยไป
นายสีหศักดิ์ ยังยืนยันว่า การลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่มีสหรัฐอเมริกา เป็นพยานนั้น ประเทศไทยไม่ได้เข้าไปทางสหรัฐอเมริกา แต่พยายามทำให้มีความสมดุลมากขึ้น
นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์กับประเทศไทยกับประเทศจีน หลังรัฐบาลได้มีการลงนามประกาศความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นพยาน รวมถึงยังมีการลงนามความร่วมมือด้านแร่สำคัญกับสหรัฐอเมริกาด้วยอีก โดยยืนยันว่า ท่าทีความสัมพันธ์ไทย-จีนไม่ได้เปลี่ยน และในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ที่เกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ยังมีการพบหารือทวิภาคี ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแสดงว่า ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่จีน ยังอยากพูดคุยกับประเทศไทย และยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทย-จีน
นายสีหศักดิ์ ยังชี้แจงย้ำถึงการลงนามความร่วมมือ หรือ MOU ด้านแร่สำคัญกับสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศจีนไม่ได้มีการส่งออก แต่แร่สำคัญก็มีความจำเป็นสำหรับประเทศไทย เช่น หากประเทศไทย ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมก็จำเป็นต้องมี และรายละเอียดใน MOU ก็เป็นการนำสู่ห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง และกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาเนื้อหาแล้วว่า ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใด พร้อมย้ำว่า MOU ดังกล่าวว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยี และการระบุชัดเจนว่า จะต้องเป็นไปภายใต้กฎหมายไทย และระเบียบไทย ดังนั้น จึงขึ้นกับประเทศไทย ซึ่ง หากไม่สอดคล้องนโยบาย และกฎหมายของไทย ประเทศไทยก็ไม่รับ
ส่วนข้อกังวลที่หากมีการดำเนินการใด ๆ และจะเกิดมลพิษนั้น นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ขึ้นอยู่กับประเทศไทย ซึ่งมีกฎหมายกำกับ และต้องมั่นใจว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเจรจาให้ได้ข้อตกลงที่ประเทศไทยต้องการ รวมถึงยังมีการกำหนดใน MOU ที่จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด และการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรม โดยไม่ผูกมัด สามารถบอกเลิกเมื่อใดก็ได้
นายสีหศักดิ์ ยังยืนยันว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้ลงนามกับประเทศไทยเพียงประเทศเดียว แต่ยังลงนามร่วมอีก 7 ประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปินส์ และญี่ปุ่น เป็นต้น เพราะทุกประเทศ ตระหนักดีกว่า สมัยนี้ แร่สำคัญเป็นหัวใจของการพัฒนาอุตสาหกรรม
ส่วนทิศทางอนาคตของอาเซียนที่สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคมากขึ้นนั้น นายสีหศักดิ์ ประเมินว่า จีนก็มีความสำคัญในอาเซียน เพราะที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ เป็นมหาอำนาจของภูมิภาค ดังนั้น ไทยจะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดี และมีศักดิ์ศรีด้วย สำหรับ ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกานั้น ก็มีความจำเป็น เพื่อเป็นการรักษาดุลอำนาจ และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่สามารถรักษาดุลอำนาจในภูมิภาคนี้ให้สมดุล เพราะมีศักยภาพหลายด้าน แต่ประเทศไทย ไม่สามารถไปเล่นเกมกับสหรัฐอเมริกาในการปิดล้อมจีน หรือต่อต้านจีนได้
นายสีหศักดิ์ ยังมองว่า หากถึงจุดหนึ่งแล้ว มหาอำนาจทั้ง 2 จะต้องหาจุดสมดุลใหม่ เพราะในอดีตการเป็นมหาอำนาจไม่ได้เป็นปัญหา เพราะจีนไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาหวั่นไหว แต่ในที่สุดทั้งคู่ ก็จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ เพียงแต่ว่า จุดสมดุลไม่เหมือนเดิม ประเทศไทยจึงหวังว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะหาจุดสมดุลใหม่ และทั้ง 2 ไม่สามารถตัดขาดกันได้ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ยกเว้นอาจตัดขาดกันในเทคโนโลยีบางอย่าง และเชื่อว่า การแข่งขันในภูมิภาค จะยังคงมีต่อไป