
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 และได้หารือทวิภาคีกับ ดร.วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ ที่กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ในโอกาสเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยและสิงคโปร์ ครบรอบ 60 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ว่า ได้พูดคุยกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงเรื่องที่ฝ่ายสิงคโปร์ให้ความสนใจ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยตนได้แจ้งให้รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ทราบ ถึงสิ่งที่เราได้ไปพูดคุย 4 ฝ่ายครั้งล่าสุดที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย รวมถึงกรณี ที่ขณะนี้กำลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ซึ่งนำผลจากการประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ไปสู่ภาคปฏิบัติตามแผนงาน
นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า โดยฝ่ายไทยเห็นว่าการพูดคุยในหลักการอย่างเดียว มันไม่พอ แต่ต้องมีความชัดเจนว่าจะมีแผนงานและการปฏิบัติอย่างไรในการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่จะต้องเริ่มมีแผนงานการลงพื้นที่ร่วมกัน และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งขณะนี้ทุกประเทศให้ความสนใจ จึงต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ในเมื่อเรามีข้อมูลและส่งให้ฝ่ายกัมพูชาแล้ว เราก็หวังว่าเขาจะรีบไปสอบสวนหรือตรวจสอบข้อมูลว่าแหล่งอาชญากรรมพวกนี้อยู่ที่ไหนบ้าง รวมถึงมีเรื่องการบริหารพื้นที่ชายแดนและการแก้ปัญหาการรุกล้ำเข้ามา ซึ่งต้องมีการร่วมมือกัน และต้องหาแนวทางสันติวิธีมาแก้ไข โดยกรณีเฉพาะหน้า คือการรุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพูดคุยกันว่าในระดับพื้นที่จะมีการบริหารจัดการอย่างไรในการรักษาความสงบ ขณะเดียวกัน เราก็มีแผนงานการเคลื่อนย้ายคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการรุกล้ำ
เมื่อถามว่าได้ขอให้สิงคโปร์ช่วยสนับสนุนฝ่ายไทยด้วยหรือไม่ ถ้ามีการหยิบยกปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาไปหารือในเวทีสุดยอดอาเซียน รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ที่จริง เราถือหลักที่ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไทยและกัมพูชาต้องมาพูดคุยกัน และเราไม่อยากให้กลายเป็นปัญหาของอาเซียน มันคงไม่จำเป็นที่ต้องนำไปพูดในที่ประชุมอาเซียน แต่ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายจะพูดกัน ก็พูดกันนอกรอบได้ แต่อย่างน้อย สิ่งที่เราควรจะต้องมี คือการทำข้อตกลงในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่สันติภาพ และเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องประเด็นภูมิภาค ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งในกรอบอาเซียน การรับมือกับผลกระทบมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ในประเทศเมียนมา และสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยไทยเน้นย้ำความสำคัญของการแก้ไขสถานการณ์กัมพูชาด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะร่วมมือแก้ปัญหาร่วมกันด้วยความจริงใจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้แสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่ายหารือถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือที่ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของสิงคโปร์ ผ่านการจัดทำความตกลงด้านการซื้อขายข้าวและสินค้าเกษตร การดึงดูดการลงทุนของสิงคโปร์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น Data Center และเซมิคอนดักเตอร์ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว เป็นต้น